“อัจฉริยะ” แฉ 2 บิ๊กข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ เอี่ยวนำข้อมูลทุจริต “กรมการข้าว-กรมฝนหลวง” ส่งให้ “เอก ปากน้ำ” ปูดซ้ำ! เคยยืมมือตนส่งข้อมูลทุจริตแสนล้าน ทั้งจัดซื้อเรือดำน้ำ-ฮั้วประมูล 191 ยื่นสภาฯ แต่สุดท้ายมวยล้มต้มคนดู
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำเอกสารหลักฐาน และแชทที่อ้างว่า ข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งข้อมูลการทุจริตให้กับบุคคลหนึ่ง โดยเชื่อว่าข้าราชการคนนี้เป็นคนที่นำข้อมูลการทุจริตในกรมการข้าวและกรมฝนหลวง ไปส่งต่อให้กับนายเอกลักษณ์ วารีชล หรือ “เอก ปากน้ำ”
โดยนายอัจฉริยะระบุว่า ข้าราชการของกระทรวงเกษตรฯ ที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการตบทรัพย์มีทั้งหมด 2 คน คนแรกเป็นข้าราชการระดับสูงในกรมการข้าว ชื่อ “นายโอ” โดยมีข้อมูลว่าคนนี้เป็นเพื่อนของนายเอกลักษณ์ด้วย จึงเชื่อว่ามีการสมรู้ร่วมคิดให้ข้อมูลการทุจริตของกรมการข้าวและกรมฝนหลวง โดยตนมีแชทที่นายโอส่งข้อมูลการทุจริตให้กับคนหนึ่ง ช่วงปลายปี 2566 และต้นปี 2567 ซึ่งบุคคลนี้เคยถูกอธิบดีกรมการข้าวตั้งคณะกรรมการสอบ ซึ่งมองว่าอาจมีประโยชน์ต่อคดีหากมีการเรียกบุคคลนี้มาสอบปากคำ
พร้อมกันนี้ ทนายอัจฉริยะ ยังระบุอีกว่า นาย ก. เป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ โดยเป็นคนให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการฝนหลวงให้นายเอกลักษณ์นำไปร้องสภาฯ และเป็นคนชงเรื่องให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
สำหรับข้อมูลที่นำมายื่นให้กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตรวจสอบนั้น “ทนายอัจฉริยะ” อ้างว่า นำมาจากคนในกระทรวงเกษตรฯ ที่นำข้อมูลมาให้ซึ่งเป็นพยานที่จะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ปปป.ด้วย โดยหลังจากนี้ก็ต้องรออำนาจพนักงานสอบสวนในการออกหมายเรียกข้าราชการทั้งสองรายนี้ เข้าให้ปากคำ
ขณะที่ นาย ก. นายอัจฉริยะอ้างว่า เป็นบุคคลที่กลุ่มของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เคยเข้าไปพบที่ห้องในกระทรวงเกษตรฯ ก่อนที่ห้องจะถูกไฟไหม้ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงมีการด่วนสรุปว่าเหตุไฟไหม้มาจากไฟฟ้าลัดวงจร
นายอัจฉริยะ ให้ข้อมูลอีกว่า ช่วงกลางปี 2566 “เอก ปากน้ำ” เคยนำข้อมูลการทุจริตตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2565 มามอบให้ตน เป็นข้อมูลการทุจริตรวมเกือบแสนล้านบาท ซึ่งหนึ่งในนั้นมีข้อมูลทั้งเรื่องเรือดำน้ำและการฮั้วประมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างอาคาร 191 จำนวน 7000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้มีการร้องกรรมาธิการรัฐสภา 2 คณะ แต่ปรากฏว่าภายหลังก็มีการถอนเรื่องจากกรรมาธิการ ทั้ง 2คณะ ซึ่งตัวเองเชื่อว่าคงมีการพูดคุยและเคลียร์กันแล้ว ถึงไม่ร้องเรียนต่อ
ส่วนเรื่องที่ก่อนหน้านี้นายยศวริศ ออกมาแถลงข่าวซึ่งช่วงหนึ่งมีการกล่าวสาบานสาปแช่งว่าหากตัวเองเรียกรับผลประโยชน์อยู่ในแก๊งตบทรัพย์ขอให้มีอันเป็นไป เรื่องนี้นายอัจฉริยะมองว่า หากอยากสาบานจริงก็อยากให้ไปสาบานที่วัดหงษ์จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเชื่อว่าสาบานยังไงก็ตายแน่ พร้อมขอบคุณที่ออกมาแถลงข่าว เพราะเหมือนเป็นการยอมรับว่ามีคลิปเสียงและแชทสนทนาเป็นหลักฐานจริง