อดีต ส.ส.ปชป. ยื่น ปธ.สภาฯ-ผู้นำฝ่ายค้าน จี้สอบจริยธรรมร้ายแรง “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” โวยร้อง ป.ป.ช.ปีครึ่งคดีไม่คืบ ทั้งปมรถเบนซ์-แคชเชียร์เช็ค 25 ล้าน ชี้อาจเข้าข่ายฟอกเงิน บี้แจงที่มาที่ไป
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยหลังการยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบสวนจริยธรรมร้ายแรงกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567
โดยนายวัชระระบุว่า นายเรืองไกรเป็น กมธ.งบฯ มาตั้งแต่ปี 63, 65, 66 และ 67 ก่อนหน้านี้นายเรืองไกรได้โพสต์ภาพ และข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ได้รับรถเบนซ์ 2 คัน สีดำ 1 คัน, สีขาว 1 คัน ซึ่งอ้างว่า “ผู้ใหญ่ใจดีให้มา” และในวันที่โพสต์ภาพรถเบนซ์ดังกล่าวก็เป็นวันที่มีการประชุม กมธ.งบฯ พอดี ทั้งนี้ตนได้ยื่นเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาเป็นเวลากว่า 1 ปี 6 เดือนแล้ว และทราบว่านายเรืองไกร จดทะเบียนครอบครองรถเบนซ์สีดำ 1 คัน ส่วนสีขาวไม่มีการระบุว่าใครเป็นผู้ครอบครอง จึงขอให้สืบสวนขยายผลเรื่องนี้ต่อไป
“ในส่วนกรณีแคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาท ที่มีการสั่งจ่ายให้กับนายเรืองไกรเมื่อวันที่ 22 ก.พ.64 ที่นายเรืองไกรได้มีการโพสต์เช่นกันนั้น ก็เป็นที่น่าสงสัยว่า นายเรืองไกรได้รับเช็คดังกล่าวเป็นค่าอะไร จากผู้ใด ซึ่งกรณีนี้ นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ได้ร้องต่อ ป.ป.ช.ผ่านมา 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเช่นกัน
ทั้งนี้เป็นที่สังเกตว่า ทั้ง 2 กรณีเมื่อนายเรืองไกรถูกร้อง เขาก็ได้ลบโพสต์ และเนื้อหาทั้ง 2 กรณีออกไป ดังนั้นในฐานะที่นายเรืองไกรเป็นหนึ่งในผู้พิจารณางบประมาณประเทศ ปีละกว่า 3 ล้านล้านบาท และถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ควรต้องมีความโปร่งใส ขอย้ำว่าทั้ง 2 กรณีนี้ต้องมีที่มาและที่ไป
“หากนายเรืองไกรอ้างว่าเป็นค่าจ้าง คือค่าจ้างอะไร ตนในฐานะประชาชน และผู้เสียภาษี มีสิทธิ์สงสัยในพฤติการณ์ของนายเรืองไกร เช่นเดียวกับที่นายเรืองไกรสงสัย และยื่นสอบนักการเมืองทั้งสภาฯ อยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องแคชเชียร์เช็ค 25 ล้าน ท่านได้แต่ใดมา ทําชอบสิ่งใดนา วานบอก ท่านเอออวยผู้ใดไซร้ จึงได้รางวัลมหาศาล จึงขอให้ตรวจสอบว่า เขาได้รับเช็คมาโดยถูกต้องหรือไม่ รถที่ซื้อมาได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่” นายวัชระ กล่าวและว่า
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้มีเหตุอันสงสัยว่า นายเรืองไกรอาจได้รับทรัพย์สินจากการเป็น กมธ. ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 3 (5) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งตนจะไปยื่นหนังสือต่อเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ เพราะการเป็น กมธ. และเจ้าหน้าที่รัฐนั้นทำให้การกระทำใดๆ หรือการรับทรัพย์ หรือสิ่งของใดๆ ที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ต้องเป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการทุกประการ และถ้านายเรืองไกรมีจิตสำนึกก็ควรลาออกจาก กมธ.งบฯ ปี 2567
เมื่อถามว่า ทำไมจึงมาร้องในตอนนี้ เพราะเหตุการผ่านมาหลายปีแล้ว นายวัชระ กล่าวว่า เนื่องจากนายเรืองไกรได้ทำการปิดเฟซบุ๊กของตัวเอง จึงถือเป็นการปกปิดหลักฐาน เพราะนายวีระได้นำโพสต์ดังกล่าวไปโพสต์ต่อ แต่นายเรืองไกรก็ไม่ได้ฟ้องร้องแต่อย่างใด เท่ากับยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง
ต่อข้อถามว่า สภาฯ จะสามารถถอดถอนนายเรืองไกรได้หรือไม่ นายวัชระชี้ว่า ต้องสอบถามไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าเหตุใดจึงตั้งนายเรืองไกรให้เป็น กมธ. และการตั้งที่ชอบด้วยจริยธรรมทางการเมืองหรือไม่อย่างไร