สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศ 3 ทางเลือกค่าไฟฟ้าใหม่ งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 อาจพุ่งสูงสุดแตะ 6.01 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันที่ 4.18 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสถานการณ์ก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนผ่านสูตรการปรับค่า Ft ที่ 34.30 สตางค์ต่อหน่วย และยังต้องมีการทยอยคืนหนี้ กฟผ. จำนวน 98,495 ล้านบาท และส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติ (AF Gas) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีก 15,083.79 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน-ธันวาคม มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นถูกสุด 4.65 บาท แพงสุด 6.01 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันที่ 4.18 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 11-44% จากงวดปัจจุบัน
โดยในการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 10 ก.ค. มีมติเห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่าเอฟที สำหรับงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 3 กรณี คือ
1) จ่ายคืนหนี้ทั้งหมด ค่าไฟจะอยู่ที่ 6.01 บาทต่อหน่วย
2) จ่ายคืนหนี้ใน 3 งวด ค่าไฟจะอยู่ที่ 4.92 บาทต่อหน่วย
3) จ่ายคืนหนี้ใน 6 งวด ค่าไฟจะอยู่ที่ 4.65 บาทต่อหน่วย
แต่ละกรณีจะมีผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) และภาระหนี้คงค้างที่แตกต่างกัน
ด้าน นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการ กกพ. กล่าวว่า กกพ.ตระหนักถึงผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน แต่ก็จำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าของประเทศด้วย จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงานตามหลัก “5 ป.” เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าของตนเองและประเทศชาติ
ทั้งนี้ กกพ. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับค่าเอฟทีและค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2567 ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 12-26 กรกฎาคม 2567 ก่อนที่จะมีการสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป