ครั้งแรก!! “ชวน หลีกภัย” อภิปรายนโยบายรัฐบาล ในฐานะพรรคร่วมฯ จี้เยียวยาไฟใต้-โยกย้ายข้าราชการเป็นธรรม พร้อมสอนมวย ยึดคำถวายสัตย์ “สุจริต” ไม่ติดคุก-หนีคดี
ที่รัฐสภา วันนี้ (13 ก.ย.) การประชุมร่วมกันของรัฐสภายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิรายวาระการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ถือเป็นครั้งแรกที่มีการอภิปรายในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
โดยนายชวน กล่าวว่า ตนได้เคยอภิปรายนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เรื่องแรกคือ เรื่องภาคใต้ ขณะนั้นพูดในฐานะฝ่ายค้าน วันนี้พูดในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ว่าตนจะอยู่ในพรรคไหนก็ตาม ความจริงก็คือความจริง ความจริงไม่อาจเปลี่ยนไปตามฐานะ ในครั้งนั้นจุดประสงค์ของตนคือ ต้องการให้มีการบรรจุนโยบายเรื่องภาคใต้ไว้ในรัฐบาล แต่ติดตรงที่ไม่มีการบรรจุไว้เลย
นายชวน ยังกล่าวว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้บรรจุนโยบายภาคใต้ไว้ในคำแถลงนโยบายในหน้าที่ 12 แม้จะมีเพียง 1 บรรทัด แต่ก็เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
เหตุที่หยิบยกปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะยึดหลักที่ว่า ชีวิตมีค่ามากกว่าเงิน เราจะไปพลาดนโยบายเศรษฐกิจ ขาดทุนไปกี่หมื่นกี่แสนล้าน ไม่เท่ากับชีวิตคน 7,500 กว่าคน ที่เสียไปจากความผิดพลาดนโยบายด้านความมั่นคง เมื่อเรายอมรับว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายส่วนหนึ่งแล้ว เราก็ต้องปฏิบัติต่อไปให้สำเร็จ พร้อมย้ำว่าความสำเร็จที่เราจะแก้ปัญหาได้ คือต้องยอมรับความจริงว่าเหตุทั้งหมดเกิดจากอะไร เช่น เหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2544 โชคดีวันนี้มี สว.ท่านหนึ่งเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อยู่ด้วย เชื่อว่าท่านจะเป็นประโยชน์ในการให้ข้อมูล เพื่อที่เราจะได้แก้ปัญหาปัญหาชายแดนภาคใต้ เราต้องหาทางทำให้เกิดความสงบให้ได้
เรื่องต่อมา จากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงช่วงหนึ่งว่า ต้องการเห็นความสามัคคีและปรองดองนั้น ไม่มีใครไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่การที่จะสามัคคีปรองดองกันได้ สำคัญคือต้องปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค อย่าเลือกปฏิบัติ
“สิ่งที่ตนได้ย้ำไว้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วคือ การชดเชยกรณีที่เราเลือกปฏิบัติ ก่อให้เกิดการเสียโอกาส แม้กระทั่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งอดีตนายกฯ ท่านก็เห็นด้วย แต่ยังไม่พบการเยียวยาที่เป็นรูปธรรม จึงขอให้รัฐบาลลองทบทวนดูว่า ที่ผ่านมีมีอะไรที่ทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ ทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ปรองดอง อันเกิดจากการปฏิบัติที่ไม่ได้รับความเสมอภาค”
พร้อมกันนี้ นายชวน ได้ยกคำพูดของนายกรัฐมนตรี เมื่อได้ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้วว่า “นับเป็นเกียรติยศและความภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิตของดิฉันและคณะรัฐมนตรี พร้อมนำพระราชดำรัสมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน”
นอกจากนี้ยังกล่าวต่อไปถึงพระราชดำรัสที่ทรงพระราชทาน คือ “ขอให้พรด้วยความยินดี ให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ฯ ไปแล้ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน”
ในหลวงทรงพระราชทานพรอันประเสริฐให้แก่คณะรัฐมนตรี คำถวายสัตย์ปฏิญาณคือ “ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
นายชวน กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่ต้องปฏิบัติในฐานะฝ่ายบริหาร คือ ความซื่อสัตย์สุจริต และการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ
ทั้งนี้ ถ้าแต่งตั้งข้าราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เอาตำแหน่งมาเป็นราคา กระทรวงนี้ราคาเท่านั้น จึงฝากว่าในฐานะนักการเมืองฝ่ายบริหาร เราต้องปฏิบัติโดยหลักธรรมาภิบาล คือหลักคุณธรรม จริยธรรม ที่ให้โอกาสคนเหล่านั้นมีโอกาสเติบโตได้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่ด้วยราคา แต่จะสำเร็จก็ต่อเมื่อได้คนดีเข้ามาช่วยทำงาน
ในขณะที่ข้อ 2 ระบุว่า “จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน” ถ้าเราทำได้ จะเป็นประโยชน์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ปัจจุบันเหมือนเป็นระบบที่มือใครยาวสาวเอาๆ
“การบริหารนั้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองของท่าน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์เขตเลือกตั้งของท่าน แต่ต้องคิดถึงประโยชน์ของประเทศ ประชาชน องค์กรใดก็ตามที่เป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศ จะไม่ต้องรับใช้พรรคการเมือง ต้องไม่รับใช้นักการเมือง ต้องรับใช้ประโยชน์ของประเทศชาติ ถ้าเป็นเช่นนี้การบริหารประเทศก็จะมั่นคง”
ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญได้เขียนหลักนิติธรรมเป็นหัวใจของการปกครอง ถ้าเรายึดมั่นในหลักนิติธรรมแล้ว ตนเชื่อว่าไม่มีนิติธรรมใดที่เป็นพิษเป็นภัยต่อบ้านเมือง
รัฐบาลก่อนๆ ข้อความการถวายสัตย์ปฏิญาณตนเหมือนกัน แล้วทำไมบางรัฐบาลมีปัญหา มีอันเป็นไปถูกดำเนินคดี ต้องหนีคดี ถูกจำคุก เพราะอะไร คำตอบก็คือแม้ปฏิญาณไปแต่ไม่ปฏิบัติ พร้อมย้ำว่า สิ่งนี้จะทำให้นโยบายรัฐบาลประสบความสำเร็จ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน