“รมช.คลัง” แจงเกณฑ์แจกเงินดิจิทัลเฟส 3 ปัดกลุ่มอายุ 16-20 ปีรับเงินหมื่นก่อนใคร ระบุยังไม่เคยหารือประเด็นนี้ แย้มต้องรอคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะอีกรอบต้นเดือน มี.ค.
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต “เฟส 3” ว่า คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะมีการประชุมในช่วงต้นเดือน มี.ค.2568 เพื่อหาข้อสรุปและความชัดเจนเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการดังกล่าว โดยยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการแจกเงินเป็นช่วงอายุ 16-20 ปี จะได้รับเงินก่อนแต่อย่างใด
“เรื่องเกณฑ์แจกเงินของเฟส 3 ที่มีข่าวออกมาว่า จะแจกอายุ 16-20 ปีก่อนนั้น ยืนยันว่ายังไม่ได้มีข้อสรุปในส่วนนี้ และยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือหารือกันในประเด็นนี้แต่อย่างไร ดังนั้นรายละเอียดและความชัดเจนทั้งหมด อยากให้รอข้อสรุปจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดีกว่า ว่าสุดท้ายแล้วจะออกมาในรูปแบบไหน”
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องมาพิจารณาก่อนว่าการดำเนินการจะออกมาในรูปแบบไหน อย่างไร และช่วงไหน โดยเบื้องต้นจะต้องขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ที่ผ่านเกณฑ์ด้วย เพราะขณะนี้มีเพียงข้อมูลตัวเลขผู้ที่ลงทะเบียนเข้ามาเท่านั้น ยังไม่มีตัวเลขผู้ที่ผ่านเกณฑ์เฟส 3 ดังนั้นก็ต้องมาคัดกรองตามหลักเกณฑ์ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ที่ลงทะเบียนเข้ามา ยังไม่ได้มีการคัดกรอง และมีรายชื่อไม่ซ้ำกับที่ได้ดำเนินการแจกไปแล้วในเฟส 1-2 ประมาณ 20 ล้านคนบวกๆ หลังจากนี้จะต้องมาคัดกรองตามเกณฑ์รายได้ เงินฝาก และอายุ จึงจะได้ข้อสรุปในส่วนนี้
นายเผ่าภูมิ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ให้มีการปรับปรุงการจ่ายเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 โดยให้ปรับเปลี่ยนงบประมาณบางส่วนไปลงทุนเพื่อช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิต หรือการคุ้มครองทางสังคม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ ว่า แต่ละภาคส่วนมีแนวคิด และมุมมองเศรษฐกิจที่เหมือนกันบ้าง และแตกต่างกันออกไปบ้าง ในฐานะรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการรับฟัง และนำมาประมวล หลังจากนั้นจะเชื่อหรือไม่ หรืออาจเห็นว่าวิธีการของรัฐบาลที่ดำเนินอยู่ดีแล้ว ทั้งหมดก็ต้องนำมาประมวลกัน
สำหรับข้อเสนอของภาคเอกชนที่ให้มีการใช้จ่ายกับสินค้าในประเทศนั้น รมช.คลัง กล่าวว่า ได้มีการหารือกันภายในเกี่ยวกับประเด็นนี้เรียบร้อยแล้ว โดยยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีการพิจารณามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชนมากขึ้น ส่วนจะมีการกำหนดประเภทสินค้าเพื่อใช้จ่ายหรือไม่นั้น อยากให้รอข้อสรุปของคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน