นักลงทุนเทขาย “บิตคอยน์” อย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ (28 ก.พ.) ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ ร่วงลงไปแล้ว 25% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยทำไว้ไม่ถึง 6 สัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนปรับโพสิชั่นการลงทุน หลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
“บิตคอยน์” ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดตามมูลค่าตลาด ลดลงกว่า 5% เหลือ 79,957.02 ดอลลาร์ ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.67
การที่บิตคอยน์ถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” มีทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้สินทรัพย์ดังกล่าวได้รับความนิยมหลังจาก “ประธานาธิบดีทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง โดยราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 109,241 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 20 ม.ค.68 ซึ่งเป็นวันที่ “ทรัมป์” เข้ารับตำแหน่ง แต่ราคาร่วงลงนับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับท่าทีอันแข็งกร้าวของ “ทรัมป์” รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ
“เมื่อพิจารณาจากสภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจมหภาค ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นราคาบิตคอยน์อยู่ในระดับนี้” สเตฟาน ฟอน เฮนิช ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายนอกตลาดของบริษัท Bitgo กล่าว และเสริมว่า
นักลงทุนยังคงรอให้ “ทรัมป์” ออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมสำหรับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งรวมถึงการตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์
การร่วงลงของราคาบิตคอยน์ในวันนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียถูกเทขายออกมาอย่างหนักเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนในภูมิภาคมีปฏิกิริยาต่อมาตรการภาษีศุลกากรล่าสุดของ “ทรัมป์” โดยเขายืนยันว่าสหรัฐฯ จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ตามกำหนดเดิมในวันที่ 4 มี.ค. และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค.เช่นกัน