Home Feature ‘ผู้แทนไทย’ จัดทีมประกบส่ง ‘40 อุยกูร์’ ถึงบ้านแล้ว! พร้อมนำสื่อบินจีนตรวจซ้ำรอบ 2

‘ผู้แทนไทย’ จัดทีมประกบส่ง ‘40 อุยกูร์’ ถึงบ้านแล้ว! พร้อมนำสื่อบินจีนตรวจซ้ำรอบ 2

by admin

นายกฯ รับรายงานคณะผู้แทนไทยส่งอุยกูร์กลับจีน ยืนยันไม่มีการละเมิดสิทธิ-ไม่ดำเนินคดีต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับ ด้าน “เลขาฯ สมช.” จัดทีมประกบส่งถึงบ้านที่ซินเจียง พร้อมยืนยันความโปร่งใส นำผู้เกี่ยวข้อง-สื่อมวลชนเยือนจีนตรวจเยี่ยมรอบ 2 ย้ำรัฐบาลจีนมีหนังสือรับรองเป็นทางการ หลังนายกฯ ถก “สี จิ้นผิง”

วันนี้ (1 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีรับรายงานจากคณะผู้แทนไทยทีมส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับบ้าน ทั้ง สมช. สตช. และ สอท.ปักกิ่ง ในภารกิจ “11 ปีที่เป็นไปได้สู่บ้านเกิด” ยืนยันไม่มีการละเมิดสิทธิ ไม่ดำเนินคดีต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจากไทย ขณะที่เลขาฯ สมช. ชุดใหญ่ประกบส่งถึงบ้าน เผยนับจากนี้ 15-30 วัน จะกลับไปดูอีกครั้ง ชี้ทุกคนแฮปปี้หลัง 11 ปี บ้านเกิดในมณฑลซินเจียงเปลี่ยนไป

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (1 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง.ผบ.ตร. และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ที่เดินทางไปพร้อมกัน เพื่อส่งชาวอุยกูร์ ที่อยู่ห่างไกลกลับไปพบกับครอบครัวในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยจะติดตามอย่างต่อเนื่องหลังรัฐบาลจีนให้ความมั่นใจอีกครั้งว่า “พวกเขาคือพลเมืองจีนที่จะต้องดูแลเป็นอย่างดี” โดยเลขาฯ สมช. มั่นใจว่าหลังจากเดินทางส่งชาวอุยกูร์ถึงบ้านแล้ว ได้วางกรอบไว้ว่าประมาณ 15 วัน–1 เดือน คณะผู้แทนระดับสูงของไทย จะบินไปติดตามพันธสัญญาที่ทั้งสองประเทศให้ไว้ต่อกันอย่างต่อเนื่อง

โดยผู้แทนชุดนี้ ได้อยู่สังเกตการณ์และตรวจสอบชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับจีนในรอบ 11 ปี โดยชาวอุยกูร์ 40 คนเดินทางถึงเมือง “คาซือ” หรือเมืองคัชการ์ มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้กับบ้านเกิดของชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าวมากที่สุด โดยหลังจากได้รับการตรวจสุขภาพ และได้ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่อยู่ใกล้เมือง “คาซือ” ในระยะไม่เกิน 140 กิโลเมตร และกลุ่มที่อยู่ไกลจากเมืองคาซือกว่า 1 พันกิโลเมตร เนื่องจากมณฑลซินเจียง มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า รัฐบาลจีนจึงได้จัดยานพาหนะเพื่อส่งกลับไปตามบ้านเกิด ที่กระจายในหลายเมืองของมณฑลดังกล่าว

โดยเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วานนี้ (28 ก.พ.) เลขาธิการ สมช.พร้อมคณะ ได้เข้าไปสังเกตการณ์การเดินทางส่งกลับในจุดที่ห่างจากเมือง “คาซือ” ที่อำเภอ “เจียซือ” ห่างจากเมืองคาซือประมาณ 140 กิโลเมตร โดยมีชาวอุยกูร์ที่ผ่านการตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางถึงบ้านเกิดด้วยความปลอดภัย ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว โดยพวกเขาเหล่านั้นแสดงความดีใจที่ได้กลับมาพบกับครอบครัว และบางคนเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับหลานๆ สมาชิกใหม่ของครอบครัว ซึ่งบางคนสามารถพูดภาษาไทยได้บ้าง ก็ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

ต่อมา คณะผู้แทนไทยได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลประจำอำเภอเจียซือ ในเมืองคาซือ โดยพวกเขาได้ฝากความระลึกถึงและขอบคุณผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรี ที่เข้ามาเยี่ยม และร่วมประกอบพิธีทางศาสนารวมทั้งเลี้ยงอาหารฮาลาล ในระหว่างที่อยู่ในห้องกักของ สตม.

นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า “เท่าที่ตนเดินทางมาสัมผัสด้วยตัวเองพร้อม รอง ผบ.ตร. และคณะ รู้สึกได้ถึงความผูกพันระหว่างชาวอุยกูร์กับเจ้าหน้าที่ของ สตม. ทำให้การส่งกลับเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยยืนยันในส่วนของการพิจารณาการส่งกลับนั้น ประเทศไทยได้พิจารณาในทุกมิติ ประเทศไทยได้พยายามเจรจากับรัฐบาลจีนมาตลอดระยะเวลา 10ปี เพื่อกำหนดเงื่อนไขให้จีนรับรองความปลอดภัยของการส่งกลับชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าว และการต้องอนุญาตให้คณะผู้แทนไทยสามารถเดินทางไปตรวจเยี่ยมภายหลังจากการส่งกลับได้ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ จนมาในยุครัฐบาลปัจจุบันที่รัฐบาลจีนได้มีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ และการพบปะหารือระดับผู้นำประเทศในการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาสการสถานปนาความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ของนายกรัฐมนตรี ทางการจีนก็ยืนยันในหลักการรับรองความปลอดภัยด้วยอีกครั้ง

นอกจากนี้ เมื่อเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้จัดการแสดงวัฒนธรรมในย่านเยาวราช กรุงเทพฯ โดยหนึ่งในการแสดงนั้น มีการแสดงของชาวอุยกูร์ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับของรัฐบาลจีนต่ออัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ด้วย ทั้งนี้ ก่อนการส่งกลับชาวอุยกูร์ จีนได้ส่งคลิปญาติพี่น้องของผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในบ้านเกิดของตนเองในปัจจุบัน ซึ่งต่างจากเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จนทำให้ชาวอุยกูร์ต้องการจะเดินทางกลับ เนื่องจากติดอยู่ในห้องกักมาเกือบ 10 ปี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้นำเนื้อหาในหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการจากทางการจีน มาแปลเป็นภาษาอุยกูร์ เพื่อให้ชาวอุยกูร์ในห้องกักดู  จนนำมาสู่การเดินทางกลับโดยสมัครใจในท้ายที่สุด

ด้าน นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางเยือนจีนเพื่อสังเกตการณ์และตรวจเยี่ยมการส่งกลับชาวอุยกูร์ครั้งแรกของคณะผู้แทนไทยนั้น จะเดินทางกลับในวันที่ 21 มี.ค.นี้ พร้อมสรุปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน 7 วัน โดยจะมีการติดตามตรวจสอบตามว่า ชาวอุยกูร์ 40 คนที่กลับแผ่นดินแม่ จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีสิทธิเสรีภาพต่อไป ตามเจตจำนงของทั้งสองประเทศ

ส่วนการเดินทางครั้งที่ 2 เมื่อคณะดังกล่าวเดินทางกลับประเทศไทยและมีการสรุปรายงานเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจะกำหนดการเดินทางไปตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์อีกครั้ง ในระยะเวลาประมาณ 15-30 วันซึ่งรัฐบาลไทยยืนยันถึงความโปร่งใสและจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชนเดินทางร่วมในการตรวจเยี่ยมดังกล่าวด้วย

Related Articles