“บังยี” งัดทุกเม็ด ใครพูดเท็จ! ย้อนถาม “ทิ้งกุญแจไว้ให้ดอกเดียวจริงหรือ?” ตบหน้า “บิ๊กอ๊อด” มรดกทิ้งไว้เกือบ 5 พันล้านไปอยู่ไหน จวกยับ! กล้าพูดโกหกไม่มีความละอาย “อดีตนายกบอลไทย” สงสัยเรื่องภาษี “ยุคสมยศ” แนะสอบ “เส้นเงิน” สาวถึงแน่ พร้อมฉะปม Data Analysis ขายชาติ! ย้ำข้อมูลเป็นความลับ ช่างกล้าขายให้ “เว็บพนัน” หวั่นโยงล้มบอล-ล็อกผลการแข่งขัน แง้มหลักฐานเด็ดพร้อมแฉ ช่วย “มาดามแป้ง” ไล่เบี้ย
“บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการเปิดเผยในหลายประเด็น ทั้งเรื่องที่เคยถูกกล่าวหาในอดีต ที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวหาว่า “มีเพียงกุญแจดอกเดียว” หลังเข้ามาทำหน้าที่นายกสมาคมต่อจากตนเอง รวมถึงปัญหาหนี้สินของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
อีกทั้งยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ จะมอบหลักฐานเอกสารที่สำคัญในการฟ้องร้อง “สมาคมฟุตบอล” ยุค “บิ๊กอ๊อด” กรณีทำสัญญาที่มีข้อความเป็นเท็จเอื้อประโยชน์ ทำให้สมาคมและสโมสรสมาชิกเสียหายอย่างมาก พร้อมหนุนให้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกบอลไทยคนปัจจุบันฟ้องในเรื่องนี้
โดนยัดข้อหา “ทิ้งกุญแจไว้ให้ดอกเดียว”
“บังยี” กล่าวปฏิเสธว่า เป็นคำพูดที่ไม่มีความเป็นจริงเลย คือกล้าพูดโกหกอย่างไม่มีความละอาย
ในสมัยตนเป็นนายกสมาคมฯ ได้เซ็นสัญญากับทรูวิชั่นส์ 3 ปี คือปี 2557-2559 เป็นยอดเงินถึงปีละ 600 ล้านบาท ต่อมาในปี 2558 ก่อนตนจะหมดเทอมในการบริหารสมาคมฟุตบอล “ทรูวิชั่นส์” ที่ใกล้จะหมดสัญญา ก็มาคุยขอเซ็นสัญญาต่อ เพราะว่าคู่สัญญาเขามีสิทธิ์ที่จะมาพูดคุย แล้วก็มายื่นข้อเสนอว่าจะขอต่อสัญญา
ปรากฎว่าคุยกันเสร็จเรียบร้อย ซึ่งเวลานั้นได้เชิญ “เซอร์ ริชาร์ดส์ เดวิด” อดีตประธานพรีเมียร์ลีก มาเป็นที่ปรึกษา การประมูลเป็นไปในแนวทางเดียวกับของพรีเมียร์ลีกอังกฤษทั้งหมดเลย ซึ่งเขามาวางโครงสร้างให้ เพราะตอนนั้นตนเป็นผู้บริหารฟีฟ่าด้วย และโดยส่วนตัวก็มีความสนิทเพราะเคยเป็นผู้บริหารในฟีฟ่าเหมือนกัน ซึ่งทางสมาคมก็ได้สิทธิ์ประโยชน์ 600 ล้านบาท ซึ่งเวลานั้นถือว่าสูงมาก
จากนั้นสัญญานี้ก็มีการลงนามและแถลงข่าวอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 29 ก.ย.58 โดยมีผู้แทนของทรูวิชั่นส์, สยามสปอร์ต ทางสมาคมฯ รวมถึง “เซอร์ ริชาร์ดส์ เดวิด” อดีตประธานพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ มาเป็นสักขีพยานด้วย วันนั้นเราเซ็นสัญญากัน เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,200 ล้านบาท จากการถ่ายทอดฟุตบอลลีกของไทย เซ็นกัน 4 ปี จนถึงปี 2563
“เพราะฉะนั้นผมทิ้งอะไรไว้? นี่ยังไม่รวมถึงสิทธิประโยชน์ในเรื่องของสปอนเซอร์จากไทยเบฟ, เมืองไทยประกันภัย, แกรนด์สปอร์ต, โตโยต้า และจากสปอนเซอร์ต่างๆ อีกหลายร้อยล้านบาท นั่นคือสองเรื่องที่ผมทิ้งไว้ให้ในปี 59 จำนวน 600 ล้านบาท กับอีก 4,200 ล้านที่มีการสัญญา ดังนั้นชัดเจนว่าเราทิ้งเงินไว้ให้เกือบ 5,000 ล้านบาท แล้วคุณสมยศมาบอกว่าถือกุญแจเข้ามาดอกเดียว”
ความจริงยังมีเงินที่สมาคมจะต้องได้จาก “ฟีฟ่า” และส่วนอื่นๆ ที่ยังค้าง และจะต้องได้ในช่วงนั้นอีก
“เพราะฉะนั้นการพูดอย่างนี้ ผมว่าพูดแบบไม่มีความละอายแก่ใจเลย ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย”
บังยี “สงสัยเรื่องภาษี”
“เรื่องค่าใช้จ่ายที่ทิ้งไว้ คุณสมยศมากล่าวหาในเรื่องของภาษี ก็แน่นอนเราได้สิทธิประโยชน์ ได้เงินรายได้มา ก็ต้องมีภาษี คุณก็เอาเงินที่ได้มาพวกนี้ไปจ่าย ไม่ได้ไปเดือดร้อนอะไรเลย ผมทิ้งไว้เกือบ 5 พันล้าน คุณเสียภาษีแค่ 70-80 ล้านแล้วมันจะมีปัญหาอะไร” นายวรวีร์ กล่าวและว่า
“ตอนนี้พวกคุณต่างหากที่มีปัญหาเรื่องภาษี ขอให้สื่อมวลชนช่วยไปเจาะหน่อย ถามกรมสรรพากรว่า สมาคมฯ ติดค้างภาษีอยู่เท่าไหร่ในยุคของคุณสมยศ อันนี้ก็เป็นอีกภาระหนึ่งที่ทิ้งไว้ให้คุณแป้ง ผมสงสารคุณแป้งมาก เพราะว่าต้องมารับภาระอะไรต่างๆ ซึ่งไม่ควรที่จะมาต้องมีความกังวล รับภาระเรื่องหนี้สินเหล่านี้”
ทั้งนี้ ตนเป็นคนเชิญ “มาดามแป้ง” เข้ามาทำงานด้วย มาเป็นผู้จัดการทีมชาติหญิง และเขาได้ทำเกียรติยศชื่อเสียงให้ประเทศไทยอย่างมาก คือทำทีมฟุตบอลหญิงผ่านเข้าไปในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2 ครั้ง โดยครั้งแรกที่แคนาดา และครั้งที่สองที่ฝรั่งเศส “มาดามแป้ง” ทำชื่อเสียงให้กับสมาคมอย่างมากมาย แต่ว่าต้องมารับกรรมอย่างนี้ ตนก็เลยต้องออกมาบอกว่ายินดีที่จะร่วมมือกับคุณแป้ง ต้องฟ้องร้องไล่เบี้ย เอาค่าเสียหาย หรือเอาคนผิดมารับผิดชอบให้ได้
แนะสอบ “เส้นเงิน” สาวถึงแน่
สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ “ฟีฟ่า” มองมาหรือไม่ กับการที่สมาคมฟุตบอลไทยมีหนี้สิน มีปัญหาภายใน จะส่งผลให้ “ฟีฟ่า” เข้ามาลงโทษได้หรือไม่นั้น นายวรวีร์ บอกว่า “เรื่องนี้ ฟีฟ่ามีกฎจริยธรรมอยู่ เป็นกฎที่กำหนดไว้ว่า ถ้าคนที่ดำรงตำแหน่งในสมาคมฟุตบอลของชาติสมาชิก ทำผิดกฎจริยธรรม ก็จะมีบทลงโทษ”
“ถ้าถามผมในเรื่องของการไปกู้เงินฟีฟ่ามา ก็ต้องมาดูว่าเอาเงินไปใช้อะไร ถ้าเอาไปใช้ในเรื่องการพัฒนาฟุตบอล การทำงานให้กับสมาคมฟุตบอล ก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าถ้ามีการยักย้ายถ่ายเทออกไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว หรืออะไรแบบนี้ ก็อีกเรื่องหนึ่ง”
เป็นความจริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ว่าคงจะต้องไปสืบกัน ซึ่งก็คงไม่ยากอะไร เงินสิทธิประโยชน์รายได้อะไรต่างๆ หรือแม้กระทั่งเงินขอฟีฟ่า เวลาเขาส่งเงินเข้ามา ก็ส่งเข้ามาที่บัญชีของสมาคมเท่านั้น ตนแนะนำผู้บริหารชุดปัจจุบันสืบจากเส้นทางเงินตรงนี้ก็จะรู้หมด ว่าเส้นทางที่เงินรายได้เข้ามา ทั้งจากสิทธิประโยชน์ที่ตนพูดถึง ทั้งสิทธิประโยชน์ในเรื่องของการถ่ายทอดทีวีที่ได้เซ็นสัญญาทิ้งไว้ และอื่นๆ อีกมากมาย “มันไปไหนบ้าง” !!
ฉะปม Data Analysis ขายชาติ!
ทั้งนี้ ขอยกตัวอย่างสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ถ้านักฟุตบอลของเขาไปเล่นพนันบอลอะไรต่างๆ มันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก แล้วนี่คือผู้ที่ซื้อไปเป็น “เว็บพนัน” โดยปกติแล้วข้อมูลพวกนี้ “เป็นความลับ” การเอาข้อมูลไปเปิดเผยว่าผู้เล่นคนนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็จะไปกำหนดราคาต่อรอง แล้วก็จะคืบคลานไปถึงการ “ล้มบอล ล็อกผลการแข่งขัน”
“ผมไม่ได้กล่าวหาเรื่องนี้ เพราะไม่รู้รายละเอียด แต่ขอเล่าโดยรวมให้ฟังว่า ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็จะคืบคลานไปถึงเรื่องพวกนั้นได้”
แง้มหลักฐานพร้อมแฉ! ช่วย “มาดามแป้ง” ไล่เบี้ย
“บังยี” กล่าวว่า ความจริงสมาคมฯ ก็มีสิทธิประโยชน์รายได้ ตนไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้มากมายขนาดไหน แล้วก็ยังจะต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ส่วนหนึ่ง ให้บริษัทที่บริหารสิทธิประโยชน์อะไรต่างๆ อีก เวลามีรายได้เข้ามาแล้ว ส่วนหนึ่งก็จะต้องส่งกลับคืนไปให้บริษัท เป็นค่าคอมมิชชั่นที่เขามาดูแลในเรื่องตรงนี้
“ความจริงผมมีเรื่องราวตรงนี้ลึกมาก ซึ่งฃจะมอบหลักฐานให้กับคุณแป้ง ให้ดูว่าสัญญาเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมหรือมีการสมยอมกัน” บังยี ระบุ พร้อมว่า
“คุณสมยศเขาฟ้องผมหลายคดี แต่ผมก็ชนะทุกคดี เพราะว่าผมมีหลักฐาน ผมไปขอความกรุณาจากศาลให้ช่วยเรียกหลักฐานพวกนี้ให้ ก็ได้ดูรายละเอียดว่าเขาไปทำกันยังไง”
ทั้งนี้ ยินดีที่จะช่วยเต็มที่ เพราะว่าตนก็ชื่นชมในผลงานของคุณแป้ง ซึ่งเราทำร่วมกันมาแล้วก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก เข้ารอบฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกรอบสุดท้ายถึงสองครั้ง ในประวัติศาสตร์ไม่มีใครทำได้ แต่เราทำได้ เหมือนกับเหตุการณ์ที่ตนเซ็นสัญญา 4,200 ล้านบาท 4 ปี กับซีเนเพล็กซ์ (บริษัทในเครือทรูวิชั่นส์) มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทยอีกแล้ว