“ดีเอสไอ” ร่วมกับตำรวจแถลงจับกุม “โบรกเกอร์คนสุดท้าย” ในเครือข่าย “หมอบุญ” คดีฉ้อโกง 1.6 หมื่นล้าน-ผู้เสียหายกว่า 6 ร้อยคน ยันรู้เบาะแส “หมอบุญ” แล้ว แย้มมีฟันล็อต 2 ชี้ยังมีเครือข่ายฯ อีกมากยังไม่ถูกดำเนินคดี
เมื่อเช้าวันนี้ (16 เม.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ควบคุมตัว น.ส.กชพร อายุ 39 ปี โบรกเกอร์คนสุดท้าย ผู้ต้องหาในคดีหมอบุญ วนาสินธ์ หลังถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งได้หลบหนีไปต่างประเทศ
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ, ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ, พล.ต.ต. พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันสอบสวนผู้ต้องหา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะออกมาร่วมกันแถลงข่าวจับกุม
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ต้องที่มีหมายจับในคดี “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ในคดีนี้มีความเสียหายเป็นเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท มีผู้ต้องหาหลายคน การจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นการส่งตัวมาจากประเทศพันธมิตร หลังการสืบทราบจากดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทราบแหล่งที่อยู่ จนมีการกดดันและประเทศพันธมิตรช่วยจับกุมและนำตัวส่งกลับมา ผู้ต้องหารายดังกล่าวเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ต้องหาที่ได้ออกหมายจับไว้ 16 คน ก่อนหน้านี้เราสามารถจับกุมได้ 13 คน ล่าสุดได้เพิ่มมาอีก 2 คน เหลือที่ยังหลบหนีอีก 1 คน คือ “หมอบุญ”

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สำหรับการสอบสวนจะต้องมีการสอบสวนต่อหน้าทนายความ และในเบื้องต้นจะติดต่อให้ญาติให้ทราบความเคลื่อนไหวว่าตัวผู้ต้องหาอยู่ที่นี่ สำหรับกรณีความผิดทราบว่าพนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องไปแล้ว สำหรับคดีอาชญากรรมทางด้านเศรษฐกิจ เราจะต้องรีบดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจจะมีผลกระทบต่อประชาชนโดยรวมจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม กระบวนการสอบสวนเราก็ต้องเปิดโอกาสให้กับผู้ถูกจับกุม เบื้องต้นจากการสอบถามผู้ต้องหามีความห่วงใยลูก สำหรับคดีนี้ยังไม่จบ เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องการคือการได้คืนทรัพย์สินอย่างไร หากคดีทางอาญาดำเนินการสิ้นสุดแต่เจ้าทุกข์ยังไม่ได้เงินคืน เราต้องไปดูมาตรการตรงนั้นอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับคดีพิเศษที่ 136/2567 เป็นนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมให้รีบเร่งรัดดำเนินคดี โดยคดีนี้เป็นการรับโอนคดีมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 16 ราย มีการหลบหนีไป 3 ราย สำหรับผู้ต้องหารายล่าสุดได้รับการผลักดันมาจากประเทศพันธมิตร ขณะได้นำตัวมาควบคุมไว้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนี้จะได้ดำเนินการแจ้งสิทธิ์ แจ้งทนายความเพื่อสอบปากคำผู้ต้องหา และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะที่ ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวว่า สำหรับตัวของ “หมอบุญ” ผู้ต้องหารายสำคัญที่ยังหลบหนีอยู่ เราจะรีบติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ผู้ต้องหารายนี้ถูกกดดันมาจากประเทศจีน แต่ในวันนี้เราต้องขอปกปิดประเทศต้นทาง เพราะเขาค่อนข้างระมัดระวังในการที่จะเปิดเผยในการจับกุมในครั้งนี้ เพราะจะมีผลต่อความสัมพันธ์ เพราะเราเป็นพันธมิตรที่ดีกับประเทศต้นทางนี้
ทั้งนี้ ผู้ต้องหา 2 รายล่าสุด มีพฤติกรรมคล้ายกัน คือมีการชักชวน แต่จะมีผู้เสียหายแตกต่างกันไป ในจำนวนผู้ต้องหา 16 คน มีผู้เสียหาย 605 ราย “ในคดีนี้เรายังจะมีในภาค 2 อยากให้ผู้เสียหายสบายใจได้ว่า นอกจากผู้ต้องหา 16 รายแล้ว ยังจะพิจารณาผู้เข้าข่ายกระทำความผิดอีกหลายรายที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี ซึ่งในภาค 2 จะยังมีแน่นอน ที่สำคัญเราอยากจะนำผู้กระทำผิดทั้งหมดมาลงโทษ” รองอธิบดีดีเอสไอ ระบุ