Home Feature สอนมวย ‘บิ๊กอ้วน’ สว.สงขลา ฟาดยับ! ขีดเส้นดับไฟใต้ โหมสถานการณ์รุนแรงขึ้น

สอนมวย ‘บิ๊กอ้วน’ สว.สงขลา ฟาดยับ! ขีดเส้นดับไฟใต้ โหมสถานการณ์รุนแรงขึ้น

by admin

“สว.ไชยยงค์” โต้ “ภูมิธรรม” อย่ากดดันโดยขีดเส้นตาย 7 วันกับเจ้าหน้าที่รัฐ อัดอย่ามัวแต่รำวงไปเรื่อยๆ ไม่กล้าตัดสินใจ ซัดรัฐบาลเดินเข้าสู่ทางตัน ชี้ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-กฎอัยการศึก” กฎหมายล้าหลัง! ซ้ำเป็นการเรียกแขก ปมกล่าวหาละเมิดสิทธิเสรีภาพ เข้าทาง “บีอาร์เอ็น” ทำเจ้าหน้าที่กลัวถูกร้องเรียนจนไม่กล้าทำอะไร ย้ำดับไฟใต้! ต้องมียุทธศาสตร์ใหม่ ลั่นต้องมี “ชุดความจริง” เพียงชุดเดียว แย้มเหตุรุนแรงปลายด้ามขวาน ไปไกลกว่า “ความไม่สงบ” แต่เป็น “ก่อการร้าย” แนะใช้ “กฎหมายต้านก่อการร้าย” หนุนเจ้าหน้าที่ลุยแก้ปัญหา

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา กล่าวถึงการที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาขีดเส้นตายให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใน 7 วัน หลังกองกำลังติดอาวุธของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” ซุ่มโจมตีรถยนต์ของตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่นำพระสงฆ์ และสามเณร จำนวน 6 รูป เพื่อไปบิณฑบาต เป็นเหตุให้ “สามเณร” รวมทั้งพระภายในรถยนต์คันดังกล่าว เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

เหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เป็นเวลา 21 ปี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้สถานการณ์ความรุนแรง และความไม่สงบคลี่คลายใน 7 วัน เพราะถ้าสถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ “แก้ง่าย” อย่างนั้นเรื่องความรุนแรงของจังหวัดชายแดนภาคใต้คงยุติไปก่อนที่นายภูมิธรรม จะมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีกลาโหม การขีดเส้นเพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งรัดในการยุติปัญหาความรุนแรงใน 7 วัน แม้แต่ในเคสของการยิงสามเณร ก็ทำได้ไม่ง่าย เพราะเจ้าหน้าที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคล ต้องมีการนำวัตถุพพยานไปหาดีเอ็นเอ ไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้น

ซึ่งขณะนี้มีการพิสูจน์ได้แล้วว่า ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนเอ็ม 16 ของตำรวจ สภ.นาประดู จ.ปัตตานี ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และยึดปืนไปขณะปฏิบัติหน้าที่ในเส้นทางรถไฟ ที่ อ.นาประดู เมื่อปี 2566 และมีการ ควบคุมคัวผู้ต้องสงสัยไปทำการซักถาม การไปขีดเส้นให้กับเจ้าหน้าที่ อาจจะเป็นการกดดันให้เกิดการเร่งร้อนในการสอบสวนจับกุม และอาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้น ทำให้สถานการณ์รุนแรงตามมา

“สิ่งที่นายภูมิธรรมต้องเร่งดำเนินการ คือ การแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานของทหาร ตำรวจ ปกครอง และหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ยังมีการบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการบูรณาการแบบหลวมๆ หลอกๆ ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างเอาตัวรอด ในการรักษาหน่วยของตนเอง”

ที่สำคัญทุกหน่วยงานมีชุดความจริงของสถานการณ์ และความเข้าใจในสถานการณ์คนละชุด สิ่งที่นายภูมิธรรมต้องเร่งดำเนินการคือ ต้องเอา “ชุดความจริง” ทุกชุด ของทุกหน่วยงาน มากางบนโต๊ะ และทำให้มีชุดความจริงเพียงชุดเดียว เพื่อใช้เป็น “คัมภีร์” ในการดับไฟใต้

ทั้งนี้ การได้ชุดความจริงเพียงชุดเดียว คือการแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นที่สุด และสิ่งที่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของจังหวัดชายแดนใต้ เรียกร้องคือ “เครื่องมือ” ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นคือการออกกฎหมายการก่อการร้าย เพื่อให้ตำรวจ ทหาร สามารถมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ในการดำเนินการกลุ่มก่อการร้าย ที่ ณ วันนี้ ไม่ใช่สถานการณ์การก่อความไม่สงบ แต่เป็นสถานการณ์การก่อการร้าย ที่ต้องมีเครื่องมือใหม่ คือ “กฎหมายการก่อการร้าย”

วันนี้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้ พรก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ที่เป็นกฎหมายที่ล้าหลัง และเป็นกฎหมายพิเศษ ที่เป็นการ “เรียกแขก” ให้กล่าวหาเจ้าหน้าที่ในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน กลายเป็นการ ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งเข้าทางขบวนการบีอาร์เอ็น ในการเรียกร้อง ร้องเรียนต่อองค์กรสิทธิมนุษยชน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะกลัวถูกร้องเรียน และไม่มีใครช่วยเมื่อเกิดเหตุร้องเรียน

รัฐบาลโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม ทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกือบ 2 ปี แต่ไม่กล้าตัดสินใจปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไร ทั้งในเรื่องของกฎหมาย ในเรื่องยุทธศาสตร์ ในเรื่องยุทธวิธี ปล่อยให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และสภาความมั่นคงแห่งชาติ “รำวงกันไปเรื่อยๆ” เป็นการเดินบนเส้นทางเก่าที่เดินมาแล้ว 21 ปี เพื่อไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่เป็นการเดินผิดทาง เพราะ “บีอาร์เอ็น” เขาใช้เส้นทางสายใหม่ในการต่อสู้กับอำนาจรัฐ

“แล้วอย่างนี้การแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้อย่างไร ในเมื่อเส้นทางที่ฝ่ายรัฐบาลเดินอยู่เป็นทางตัน และแม้แต่เรื่องการ ขับเคลื่อนการเจรจาสันติภาพกับบีอาร์เอ็น นายภูมิธรรมก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่มีความคืบหน้า มีแต่ประชุมรับฟังข้อมูลจากฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ แต่ไม่กล้าตัดสินใจ การแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายในอุ้งมือของนายภูมิธรรม จึงไม่ได้ผล และทำให้สถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น” สว.ไชยยงค์ กล่าวทิ้งท้าย

Related Articles