ประชุมใหญ่ ปชป. “เฉลิมชัย” พ้อโดนปรามาสร่วมรัฐบาล หวังหาผลประโยชน์-คอร์รัปชั่น ชี้มีสำนึกพอ ไม่คิดเอาเงินหลวงเข้ากระเป๋าตัวเอง แจงปมดราม่า “ทุจริต! เงินค่าเข้าอุทยาน” ย้ำมีหลักการใช้ เงินส่วนที่เหลือส่งคืนอุทยาน เผยเดือนหน้าลงนามใช้ระบบ “อี-ทิคเก็ต” ป้องทุจริตเก็บเงิน คาดรายได้สะพัดกว่า 4-5 พันล้าน พร้อมปรับเพิ่มสวัสดิการ กรณีเสียชีวิต-ทุพพลภาพ ทส.ชดเชยเพิ่มเป็น 1 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 เพื่อรับรองรายงานการประชุม พร้อมเลือกโฆษกพรรค และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
โดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเข้าไปเป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแลดล้อม (ทส.) และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคฯ เข้าไปเป็น รมช.สาธารณสุข ได้ 7 เดือน ทำตามหน้าที่ ช่วยเหลือประชาชน ในส่วนตัวเมื่อเข้าไปที่ ทส.วันแรก ให้นโยบายกับข้าราชการว่า “ความล่าช้าคือความอยุติธรรม” พี่น้องประชาชนจำนวนมากเดือดร้อน สูญเสีย จากระบบราชการที่ล่าช้า ตนจึงกำหนดนโยบายขับเคลื่อน เช่นการขอพื้นที่การใช้เขตป่าทั้งหมด เรื่องสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ ถนน สั่งการว่าต้องทำให้เร็วเสร็จตามกรอบระระเวลา เพื่อไม่ให้งบประมาณตกหล่น
เรื่องกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชนั้น ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ตนให้ความสำคัญกับกรมนี้มากเป็นลำดับต้นๆ เพราะเป็นกันชนระหว่างประชาชนกับภาครัฐ และต้องร่วมกับกรมป่าไม้ในการจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน ทั้งนี้ ตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี งานคืบหน้าที่สุด โดยกรมอุทยานสามารถจัดเก็บรายได้ปี 2568 ประมาณการไว้ที่ 2,200 ล้านบาท ส่วนปีที่แล้วเก็บได้ 1,600-1,700 ล้านบาท
“ที่ผ่านมามีคนที่รู้บ้างไม่รู้บ้าง เอามาพูด ซึ่งตนไม่ได้ตอบโต้ แต่ขอชี้แจงว่าการจัดเก็บรายได้นั้นมีหลักเกณฑ์ในการใช้เงิน อย่าง 2,200 ล้านบาทนั้น จะใช้ได้ 600 กว่าล้านบาท นอกจากนั้นก็จะไปเป็นสวัสดิการส่งคืนอุทยาน นำไปปรับปรุง ซื้ออะไรต่างๆ”
โดยเฉพาะกรณีระบบตั๋วเข้าอุทธยานที่บอกว่ามีการทุจริตนั้น 7 เดือนที่ตนเข้าไปเป็น รมว. ซึ่งเดือนหน้าจะมีการลงนามในเรื่องของการใช้ E-Ticket และ E-Service ซึ่งจะเป็นระบบป้องกันการทุจริตที่ดีที่สุด ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มา 38 ล้านบาท กรมอุทยานฯ ให้มาอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ อาจจะไม่ถูกใจเจ้าหน้าที่ แต่ย้ำว่าเงินรายได้ที่จะทำมาปรับปรุงใช้กับอุทยานทั้ง 150 แห่ง คาดน่าจะมีรายรับเข้ามาราวๆ 4-5 พันล้านบาท ส่วนนี้ก็จะนำดูแลสวัสดิการ ปรับปรุงยกระดับอุทยานทั้งหมด ไม่มีใครที่จะไปโกงกินหรอก สำหรับตนก็ไม่มีแน่นอน มีแต่คิดจะยกระดับอุทยานทุกที่ให้รองรับนักท่องเที่ยว และต่อสู้กับภาคส่วนอื่นๆ ได้อย่างไร

รมว.ทส. กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ มีเป็นหมื่นคน เสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ได้รับการชดเชยตามระเบียบ เช่น เสียชีวิตได้ 5 แสนบาท, ทุพพลภาพ 5 แสนบาท, อัมพาต 3 แสน แต่เดือนหน้าประกาศกรมฯ เพิ่มสวัสดิการเสียชีวิตจาก 5 แสนบาท เพิ่มเป็น 1 ล้านบาท, ทุพพลภาพ สูญเสียแขน ขา จาก 3 แสนบาท เพิ่มเป็น 1 ล้านบาท, บาดเจ็บสาหัสโดยมีเอกสารรับรองทางการแพทย์ ก็เพิ่มจาก 1.5 แสนบาท เป็น 5 แสนบาท และทุกอุทยานต้องมีอารยสถาปัตย์สำหรับผู้พิการ และหลังจากนี้นักท่องเที่ยวไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติเมื่อเข้ามาเที่ยวอุทยาน จะได้รับการประกันภัย
ทั้งนี้ อุทยานที่ทำรายได้มากที่สุดคืออุทยานทางทะเล โดยเฉพาะอันดามัน จึงเป็นต้องมีเรือไว้ตรวจการ ซึ่งเมื่อตนเข้ามา เพิ่งจะมีการรับมอบเรือมา 1 ลำที่มีการทำสัญญาก่อนที่ตนจะเข้ามา แต่ตกใจกับงบฯ ซื้อเรือ สูงถึง 26 ล้านบาท แต่เข้าใจอีกทั้งยังมีคำแนะนำจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบว่า ควรต้องมีการตรวจสอบสวัสดิภาพเรือที่มีอายุกว่าสิบปี ทั้งนี้ ก็เพื่อสวัสดิภาพของคนทำงาน
“ยืนยันว่า เงินรายได้ของอุทยานจะเอามายกระดับ พัฒนา ไม่ได้เอามาเป็นทรัพย์ของตนเอง ผมไม่ทำชั่ว ไม่เลว ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น แต่บางครั้งเป็นกระแสสังคมเอาไปพูด ซึ่งผมไม่โต้เถียง แต่ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชน และสมาชิกพรรคเข้าใจว่าตนเข้าไปแล้วทำงานแบบไหน” นายเฉลิมชัย กล่าว