“ขุนคลัง” รับเลื่อน “ดิจิทัลวอลเล็ต” เฟส 3 ไม่มีกำหนด ยันไม่ได้ยกเลิก รอดูสถานการณ์เหมาะสมค่อยยกมาพิจารณาใหม่ ชี้โยกงบ 1.57 แสนล้าน แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจก่อน ระบุใช้โครงการจำเป็นเร่งด่วน ยันเน้นจ้างงานแทนกระตุ้นการบริโภค ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ มีทั้งจัดการน้ำ-คมนาคมขนส่ง-หนุนท่องเที่ยว พร้อมอุ้ม SME รับแรงกระแทกสงครามการค้าสหรัฐฯ “ชูศักดิ์” ดิ้นแจง ชะลอแจกเงินหมื่น! ไม่ผิดนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาฯ เหตุแจกเฟส 1-2 ไปแล้ว
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 โดยระบุถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ให้ชะลอไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะเหมาะสม จึงจะนำโครงการกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
นายพิชัย ระบุด้วยว่า ตอนนี้รัฐบาลขอดูในเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณที่เคยกันเอาไว้จำนวน 1.57 แสนล้านบาท จะนำไปใช้ในโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งจะเน้นเรื่องการจ้างงานแทนการกระตุ้นการบริโภค

สำหรับกรอบการดำเนินโครงการและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ภายใต้งบกลาง 1.57 แสนล้านบาทนั้น รองนายกฯ ระบุว่า จะพยายามผลักดันโครงการต่างๆ ทันในช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2568 หรือภายในเดือนกันยายน 2568 นี้ รวมทั้งผูกพันไปยังปีงบประมาณหน้า ประกอบด้วย
1) การลงทุนบริหารจัดการน้ำ ทั้งอุปโภค บริโภค และภาคการเกษตร และในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับน้ำก็ยังทำต่อเนื่องไปถึงระยะกลาง และระยะยาว ในปี 2569-2571 ซึ่งจะมีวงเงินผูกพันอีกคิดเป็นวงเงินกว่า 5 แสนล้านบาท
2) การลงทุนด้านการคมนาคมขนส่ง โดยจะนำโครงการที่มีความจำเป็นของกระทรวงคมนาคมขึ้นมาพิจารณา เน้นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเช่น ปรับปรุงถนนเพื่อแก้ปัญหารถติด
3) การส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยจะพิจารณาโครงการที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแบบที่มนุษย์สร้างขึ้นใหม่ รวมไปถึงการปรับปรุงสาธารณูปโภคในสถานที่ท่องเที่ยว
4) การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สหรัฐฯ ผ่านมาตรการทางการคลังและการเงิน ล่าสุดอยู่ระหว่างหารหารือกับสถาบันการเงินเพื่อพิจารณาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเข้าไปช่วยเหลือปรับปรุงโครงสร้างการผลิต
5) การทบทวนโครงการที่ส่งเสริมการจ้างงาน และการพิจารณางบส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนโครงการเอสเอ็มแอล
และ 6) การพิจารณาโครงการเกี่ยวกับการช่วยเหลือและดูแลเยาวชนที่อยู่ในช่วงการศึกษา
“ทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมการจ้างงานเป็นหลัก โดยได้อนุมัติเป็นกรอบเอาไว้ และให้เสนอเข้ามา ซึ่งจะมีคณะกลั่นกรองแผนงานอีครั้ง พร้อมมีคณะติดตามและกำกับด้วย ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการได้ตามแผนภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ 0.7-1%” รองนายกฯ ระบุ

ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 หากถูกยกเลิกจะมีปัญหาด้านกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว ว่า ที่ผ่านมาเขาก็ทำกัน แต่สถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ จากที่ตนฟังดูไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำ แต่อาจจะต้องชะลอไว้ก่อน ไม่ใช่ไม่ทำ และใช้กลไกกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น เพราะเมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ก็ต้องชะลอ
เมื่อถามว่า ที่ดำเนินโครงการเฟส 1-2 ถือว่าทำแล้วจะไม่ผิดกฎหมายใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ถือว่าทำ ไม่ใช่ไม่ทำเลย
ถามต่อว่าหากไม่ทำตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา จะถือว่าผิดกฎหมายหรือผิดต่อประชาชนหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อไม่ทำตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ก็อภิปรายกันไป แต่ครั้งนี้เขาก็ทำไปหลายโครงการแล้ว ก่อนจะย้ำว่า “เท่าที่ฟังไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำ แต่อาจจะทบทวนหรือช้าออกไป”