“ฮุน เซน” ดิ้นพล่าน งัด 6 มาตรการตอบโต้ไทย แบนสินค้า-ห้ามรักษา รพ.ไทย จ่อขนแรงงานกลับ กร้าว! ใช้กำลังทหารถ้าโดนรุกราน พร้อมอพยพคนชายแดน หยัน “รัฐบาลไทย” ควบคุมกองทัพไม่ได้ เหมือนอย่างที่กัมพูชาทำได้ “อนุทิน” โต้กลับ! บอกไม่ซื้อของเราก็ดี จะได้ไม่ต้องเป็นฝ่ายปิดสวิตช์ เย้ยอยากซื้อของแพง ห้ามไม่ได้ หาก “ฝ่ายความมั่นคง” แจ้งมาพร้อมตัดไฟทันที ชี้ต้องลดขัดแย้งแต่ไม่ยอมเสียอธิปไตย ลั่นหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็พร้อมรบ ปลุกคนไทยอุดหนุน “โอทอป” แก้เผ็ดขแมร์ “แพทองธาร” แจงตัดไฟ-เน็ตแค่เข้าใจผิด ย้ำเวที JBC พรุ่งนี้คุยฉันท์มิตร ขณะที่ชายแดนเมืองจันทร์หวิดจลาจล! “ชาวเขมร” ฮือประท้วงหลังปิดด่าน รถติดค้างอื้อ ล่าสุดกัมพูชายอมเปิดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อเวลา 08.30 น. ตามเวลากัมพูชา ระบุถึงมาตรการที่กัมพูชาจะบังคับใช้กับไทย หากไทยปฏิเสธที่จะเปิดประตูชายแดนที่ปิดฝ่ายเดียว
โดย “ฮุน เซน” ระบุว่า ได้สั่งรัฐบาลอีกครั้งในฐานะหัวหน้าพรรครัฐบาล ว่าหากฝั่งไทยไม่ยอมที่จะเปิดด่านชายแดน ซึ่งไทยปิดอยู่เพียงฝ่ายเดียวนั้น กัมพูชาจะต้องปฏิบัติมาตรการเหล่านี้ตอบโต้
1.ประกาศระงับการนำเข้าสินค้าไทยมายังตลาดกัมพูชา หมายความว่า หยุดใช้สินค้าไทยและแทนที่ด้วยสินค้าในประเทศ หรือสินค้าจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ไทย
2.เตรียมรับซื้อสินค้าทางการเกษตรที่เคยส่งออกให้ไทย และมุ่งหาตลาดอื่นๆ รองรับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างจริงจัง
3.ส่งผู้ป่วยที่เคยเข้ารับการรักษาในไทยไปยังโรงพยาบาลในประเทศ หรือสถานพยาบาลในประเทศอื่น
4.เตรียมพร้อมในการรับและจัดการโอกาสการจ้างงานของแรงงานที่จะเดินทางกลับจากไทย ปัจจุบันกัมพูชากำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และการก่อสร้างกว่าหมื่นตำแหน่ง แรงงานกัมพูชาอาจเลือกที่จะเดินทางกลับโดยสมัครใจ ก่อนถูกไทยส่งตัวกลับประเทศ เนื่องจากปัจจุบันแรงงานกัมพูชากำลังเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ และการดูหมิ่นอย่างรุนแรงในบางพื้นที่
5.กองกำลังติดอาวุธทั้งหมด ต้องอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมที่จะตอบสนองและป้องกันในกรณีเกิดการรุกราน
6.จังหวัดใกล้ชายแดนต้องเตรียมพร้อมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่่ปลอดภัย และจัดหายาและวัสดุอื่นๆ
หากไทยไม่สามารถแก้ปัญหาการเปิดด่านชายแดนและกลับสู่ภาวะปกติได้ เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“ขอวิงวอนพี่น้องประชาชน อย่ากระทำการสุดโต่ง เช่น ประท้วงต่อต้านสถานทูตไทย บริษัทไทย หรือ พลเมืองไทยในกัมพูชา และอย่าแสดงความเกลียดชังทางเชื้อชาติต่อคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนดี มีเพียงกลุ่มคนหัวรุนแรงและกลุ่มทหารบางกลุ่มเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังปัญหาที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา เพราะตามปกติแล้ว รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมกองทัพได้เหมือนอย่างที่ประเทศของเราทำได้” อดีตผู้นำกัมพูชา ระบุ

นายกฯ ปาดเหงื่อปมตัดไฟ-เน็ต อ้าง ‘กัมพูชา’ แค่เข้าใจผิด
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุถึงสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่กำลังจะมีการเจรจาผ่านกลไก JBC ในวันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) ว่า เมื่อสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเดินมาถึงจุดที่จะมีการเจรจากันผ่านกลไก JBC ในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลไทยขอใช้พื้นที่ในเวทีดังกล่าวคลี่คลายสถานการณ์โดยสันติวิธี และยังคงมาตรการเดิมที่มีข้อสรุปร่วมกันเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568
นายกรัฐมนตรีระบุว่า “เรื่องการเมืองระหว่างประเทศโดยเฉพาะเพื่อนบ้าน ควรคุยกันอย่างมิตร การแสดงท่าทีหรือกำหนดแนวทางต่างๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย แทนที่จะส่งผลเชิงบวก อาจกลายเป็นเพิ่มความขัดแย้ง ซึ่งหากสถานการณ์ลุกลาม เราก็พร้อมทุกประการโดยไม่หวั่นไหว”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มาตรการเพื่อรักษาอธิปไตย และผลประโยชน์ของประเทศไทยและประชาชนชาวไทย มีการเตรียมการอย่างรัดกุม รอบด้าน พร้อมดำเนินการทันที แต่เรายังคงเจตจำนงที่จะเริ่มต้นในกรอบ JBC และขอรักษาบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การเจรจา หลังจากนั้นจะประเมินผลจากการเจรจารอบแรก เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีฝ่ายกัมพูชาได้ยินว่าประเทศไทยจะตัดน้ำ-ตัดไฟตามแนวชายแดน เรื่องนี้ถือเป็นมาตรการที่ต้องนำเสนอผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก่อน และไทยยังไม่ได้ประกาศ เนื่องจากเป็นมาตรการที่เตรียมพร้อมไว้เท่านั้น แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ดังนั้นอาจเป็นความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่นายกฯ ได้รับทราบข้อมูลข่าวกัมพูชาที่เข้าใจผิดและมีมาตรการตอบโต้ไทย ทั้งการปิดด่านบ้านแหลมและบ้านผักกาด จ.จันทบุรี โดยนายกฯ ได้เรียก รมว.ต่างประเทศ และอธิบดีกรมสารนิเทศ มาสอบถามถึงรายละเอียดทั้งหมด และไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่นายกฯ จะยกมือขึ้นมาปาดหน้าผาก ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของสื่อมวลชน

ไม่ซื้อของเราก็ดี! ‘มท.1’ ปลุกคนไทยอุดหนุน ‘โอทอป’ แก้เผ็ดเขมร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงมาตรการกดดันของทางกัมพูชา เช่น การปิดด่านชาย แดน การไม่ดูหนังไทย การไม่ใช้อินเทอร์เน็ต หรือซื้อไฟฟ้าจากไทย ย่อมไม่ส่งผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทย ในทางกลับกันการไม่ใช้ของไทย อาจทำให้กัมพูชา ต้องซื้อของในราคาแพงขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ไปห้ามกันไม่ได้
ด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจ ส่วนตัวเชื่อว่า เรื่องการค้าขาย คงไม่มีเพียงแค่ตลาดเดียว แต่หากมีใครได้รับผลกระทบ ก็ขอเชิญชวนให้ร่วมกันไปอุดหนุนสินค้าในประเทศให้มากขึ้น
สำหรับคนที่ตกค้างจากกรณีปิดด่านชายแดน ขอให้ความมั่นใจว่าชาวกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทยและหากินโดยสุจริต ที่จะเดินทางกลับประเทศ จะได้รับการอำนวยความสะดวก ด้วยความปลอดภัยทุกประการ และเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ให้สร้างความมั่นใจ พร้อมปฏิบัติต่อประชาชนชาวกัมพูชาด้วยความเป็นมิตร ไม่มีการจงเกลียดจงชัง เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล
ส่วนเรื่องการตัดกระแสไฟฟ้า หากฝ่ายความมั่นคง แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทย พร้อมดำเนินการทันที กรณีของกัมพูชาแตกต่างจากเมียนมา เพราะไม่มีสัญญากับบริษัทเอกชน
ทั้งนี้ นายอนุทินย้ำว่า ได้มีการหารือกับ รมว.มหาดไทยกัมพูชา ได้ยืนยันตรงกันว่า ประชาชนของแต่ละประเทศจะมีความปลอดภัย และหากเกิดกรณีฉุกเฉิน พร้อมอพยพคนไทยไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ส่วนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชา ได้รับคำยืนยันเรื่องการดูแลความปลอดภัย และสถานการณ์ขณะนี้ยังห่างไกลกับการต้องให้อพยพกลับไทย

ชายแดนเมืองจันท์หวิดจลาจล! ‘ชาวเขมร’ ประท้วงปิดด่าน
ที่ด่านถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ได้ปิดทำการตามเวลาใหม่ที่ปรับเปลี่ยน คือเวลา 16.00 น. ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมเล็กน้อย ก่อนการปิดด่านเพียงไม่กี่นาทีได้เกิดความวุ่นวายขึ้นที่หน้าด่านช่องโดง จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 15.45 น. กลุ่มคนขับรถขนส่งสินค้าชาวกัมพูชาที่ติดค้างอยู่ที่ด่านมาตั้งแต่เวลา 11.00 น. ได้รวมตัวกันบริเวณหน้าด่านช่องโดง โดยพยายามเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาเปิดด่านเพื่อระบายรถที่ยังติดค้างอยู่ฝั่งไทยให้ข้ามกลับไปยังประเทศกัมพูชา แต่ความพยายามดังกล่าวไม่เป็นผล บางช่วงกลุ่มผู้ประท้วงได้ตะโกนและเขย่าประตูรั้วด่านอย่างรุนแรง เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ยอมเปิดทาง
ในขณะเดียวกันที่ฝั่งไทย เจ้าหน้าที่ประจำด่านถาวรบ้านแหลม และเจ้าหน้าที่ตลาดบ้านแหลม ได้เร่งช่วยกันระบายรถที่ติดค้างอยู่บริเวณหน้าด่าน ให้เคลื่อนย้ายไปจอดที่บริเวณ ด่านขนถ่ายสินค้า เพื่อลดความแออัด นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานกับผู้ประกอบการ หากรถขนส่งสินค้าคันใดต้องการกลับไปยังล้ง หรือจุดรับสินค้า ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
สำหรับรถขนส่งสินค้าของชาวกัมพูชาที่ขับมาจอดรออยู่บริเวณ สะพานผ่านแดนไทย-กัมพูชา ได้ยืนยันที่จะจอดรถรออยู่ที่กลางสะพาน โดยไม่ยอมนำรถข้ามกลับเข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการเร่งด่วนในการข้ามพรมแดนกลับประเทศ
ล่าสุด พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า จากการปิดด่านฝั่งกัมพูชา ส่งผลให้มีรถขนส่งสินค้าค้างอยู่ที่ด่านเป็นจำนวนมาก ค้างอยู่ฝั่งไทยประมาณ 150 คัน ค้างอยู่ฝั่งกัมพูชาประมาณ 70 คัน
ทั้งนี้ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เร่งรัดประสานงานกับฝั่งกัมพูชาขอให้เปิดด่าน ระบายรถที่ตกค้างของทั้งทั้งสองฝั่ง เพื่อให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน
ต่อมาเมื่อประมาณ 17.00 น. ฝั่งกัมพูชาได้เปิดประตูเพื่อระบายรถขนส่งสินค้าทั้งสองฝั่งแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ประจำด่านได้เข้าช่วยอำนวยความสะดวกดังกล่าวเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการผ่านแดน