ขันน็อตชายแดนช่องบก! “อุ๊งอิ๊ง” ยกมือไหว้ขอโทษ “แม่ทัพกุ้ง” เป็นทางการ ก่อนไปเยี่ยมปลอบขวัญทหาร “ฐานมรกต” ลดแรงเสียดทาน-คลายขัดแย้งท็อปบูธ! ขอบคุณทหารกล้า เสียสละปกป้องอธิปไตย ยันรัฐบาลพร้อมสนับสนุน “กองทัพ” อย่างเต็มที่ แม้ไม่อยากให้เกิดการปะทะ ลั่นเข้าใจกันดี “มทภ.2” ไม่มีปัญหาอะไร หลังมีคลิปหลุดคุย “อังเคิ่ลฮุน” นายกฯ เผยสั่งการ “บังเกอร์” ให้ผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดน คุมพื้นที่ส่วนหลัง “รพ.-ทีมแพทย์” เตรียมรับมือหากเกิดเหตุปะทะ ย้ำรัฐบาลต้องการสันติภาพ แต่ต้องพร้อม! เพื่อรักษาชีวิตทหารชายแดนนับหมื่น
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยมีผู้ร่วมประชุม อาทิ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ในฐานะรักษาการ รมว.มหาดไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง, นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดน คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ตราด จันทบุรี และสระแก้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลง จึงอยากให้ทุกท่านทำงานเพื่อประชาชนและเพื่อประเทศชาติต่ออย่างเข้มแข็ง เพราะตรงนี้คือสิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เมื่อเอาประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก จะสร้างเป้าหมายในการดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ นายกฯ ได้พูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดในเรื่องหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์ และได้มีการพูดคุยกับปลัดกระทรวงมหาดไทยในเรื่องการทำบังเกอร์เพิ่มเติม โดยต้องการเน้นย้ำให้ดูเรื่องคุณภาพบังเกอร์ที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากไม่แน่ใจว่าบังเกอร์ที่ประชาชนทำกันเองที่ไม่ได้ใช้วัสดุจากของรัฐจะสามารถป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน จึงขอให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ช่วยดูให้ดีว่าบังเกอร์จะสามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนได้จริง
นายกฯ ระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานความมั่นคงในเรื่องกำลังพลและยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังไม่เพียงพอหรือมีอะไรที่ยังไม่อัพเดต เนื่องจากไม่อยากให้ประชาชนต้องเป็นห่วงเรื่องอาวุธ จึงอยากให้กองทัพช่วยดูว่าของเราต้องพร้อมอยู่เสมอ
“โดยรัฐบาลต้องการสันติภาพและเลี่ยงการปะทะ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยใดๆ ต้องพร้อมเพื่อรักษาชีวิตของทหารตามแนวชายแดนเป็นหมื่นคนที่อยู่ตรงนั้น”
พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและชีวิตของประชาชนเป็นหลัก โดยมหาดไทยคือบ้าน ทหารคือรั้ว ในมหาดไทยเองต้องดูแลคนในบ้านให้ปลอดภัยอยู่เสมอ
สำหรับใน 7 จังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายก อบจ. ดูแลประชาชนตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง โดยขอฝากดูแลประชาชนตรงนี้ เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลหารือเรื่องการไม่ปะทะและไม่ให้เกิดความรุนแรงต่างๆ แต่ขอให้เตรียมพร้อมทุกอย่าง หากเกิดเหตุการณ์ปะทะ โรงพยาบาล บุคลากรทุกอย่างต้องพร้อม เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สำคัญ
นายกฯ ยังกล่าวถึงเรื่องยาเสพติดว่า ขอฝากดูควบคู่ไปกับเรื่องของยาเสพติด ไม่ใช่แค่ 7 จังหวัด แต่มีในทุกพื้นที่ซึ่งมีการปราบปรามได้เยอะแล้ว โดยได้รับเสียงสะท้อนจาก สส. ว่าสามารถจับล็อตใหญ่ๆ ได้แล้ว แต่ยังมีล็อตเล็กๆ ที่เข้ามาในหมู่บ้าน ในชุมชน แต่กระจายถึงชาวบ้าน ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา และขอให้ดูแลชาวบ้านที่นำข้อมูลเรื่องยาเสพติดมาให้ ไม่อยากให้ต้องรู้สึกกลัวแล้วไม่สามารถมาบอกข้อมูลข้อเท็จจริงได้
จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด กำนันดูเรื่องความปลอดภัย ให้มั่นใจว่าเขาสามารถบอกได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนให้เขารู้ว่าเขาจะปลอดภัยที่จะมาบอกได้
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้สร้างความมั่นใจกับประชาชนเรื่อง “เฟคนิวส์” ขอให้รับข้อมูลจากเพจข่าวทางการเป็นหลัก และกล่าวว่า ได้เจอหลายคนในที่นี้มาหลายครั้งแล้ว ได้ทำงานร่วมกันและได้ทราบฝีมืออยู่แล้ว มั่นใจว่าทุกท่านจะสามารถทำประโยชน์และทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยมี รมช.มหาดไทย อยู่ตรงนี้ ช่วยกันทำงานให้เข้มแข็งที่สุด และขอสัญญาว่ารัฐบาลไม่มีทางทิ้งกระทรวงไหนแน่นอน ทุกกระทรวงสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ขอให้ยึดเป้าหมายเป็นสำคัญ
นายกฯ เยี่ยม ‘ช่องบก’ มทภ.2 รอรับ! ลดแรงเสียดทาน-ขัดแย้งทหาร
ต่อมาเวลา 13.35 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางด้วยเครื่องบินของกองบินทหารบก ถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพล โดยเมื่อลงจากเครื่อง นายกฯ ได้เดินเข้าไปหา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ยืนรอรับทันที โดยนายกฯ กล่าวคำว่า “ขอโทษอย่างเป็นทางการนะคะ”
ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่าการเดินทางไปเยี่ยมทหารที่ฐานมรกต ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์คลิปการพูดคุยกับ “สมเด็จฮุน เซน” ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีการพาดพิงถึง พล.ท.บุญสิน โดยเสียงการสนทนาระบุว่า “มทภ.2 เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ลงพื้นที่ อบต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้เดินทางมามอบดอกไม้
ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวก็พยายามจะเข้าไปสอบถามนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีไมค์ของผู้สื่อข่าวช่องหนึ่งไปถูกหัวนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นช่วงชุลมุน ทำให้นายกรัฐมนตรีอุทานออกมาว่า “โอ๊ย เขกหัวกูหนึ่ง” จากนั้นก็หันมายิ้มและโบกมือให้กลุ่มนักข่าว โดยบอกว่า “ไม่เป็นไรๆ”
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางพร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร, พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 2 ไปยังฐานปฏิบัติการมรกต กองกำลังสุรนารี พื้นที่ช่องบก เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจทหาร และมอบสิ่งของบำรุงขวัญ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ความมั่นคง
โดยนายกฯ มีท่าทีผ่อนคลายและสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 อย่างเป็นกันเอง แต่ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามภารกิจ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การลงพื้นที่มาพบปะทหารทุกนายในวันนี้ ตั้งใจมาให้กำลังใจทหาร ที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ด้วยความกล้าหาญ ด้วยความอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน ขอชื่นชมในความเสียสละ ที่ต้องห่างไกลบ้าน ห่างไกลครอบครัว และสิ่งสำคัญต้องขอขอบคุณ แม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงผู้บังคับบัญชา ทหารทุกนาย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ปกป้องประเทศชาติ ปกป้องอธิปไตยอย่างแน่วแน่ ด้วยความมุ่งมั่น อย่างต่อเนื่อง
“ขอให้คำมั่นว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ ทุกคนคือคนไทย แผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย จะต้องช่วยกันรักษา ทหารเปรียบเสมือนรั้วของชาติ รัฐบาลต้องการให้รั้วของชาติมีสุขภาพดี ทั้งแรงกาย และแรงใจ มีความสุขในการทำหน้าที่ อะไรที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน รัฐบาลยินดีและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในนามรัฐบาลขอขอบคุณ และขอส่งกำลังใจให้ทหารทุกนาย พร้อมทั้งขอนำกำลังใจจากประชาชนทุกคนมามอบให้ในวันนี้”
ภายหลังนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการมรกต ได้เดินทางกลับมาที่ อบต.โดมประดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ ระบุว่า ทุกคนทำงานหนัก ดีมากเลย มาให้กำลังใจ
ปรากฏว่า ระหว่างนั้น มีนายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง ซึ่งมีฐานเสียงอยู่ที่อำเภอน้ำยืน ได้เข้ายื่นหนังสือกับ น.ส.แพทองธาร เพื่อขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ ใช้ทำหลุมหลบภัยให้ตามหมู่บ้านและโรงเรียนต่างๆ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ หากมีความตรึงเครียดขึ้นอีก พร้อมทั้งให้เยียวยาทางเศรษฐกิจให้กับพ่อค้าแม่ค้าในอำเภอน้ำยืน ที่ไม่สามารถติดต่อค้าขายกับประเทศกัมพูชาได้ด้วย โดยนายกฯ รับหนังสือ พร้อมระบุว่า “อ้าว เราสั่งไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องบังเกอร์”
ส่วนการตรวจให้กำลังใจกำลังพลเป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ดีมากเลยที่ได้ไปเจอมา
ขณะที่การพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ด้วยดี ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ก็คุยดีตั้งแต่แรก
เมื่อถามว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าใจ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เป็นเทคนิคการคุยระหว่างกัน เพิ่งเจอครั้งที่ 2 เอง จะไม่ชอบเขาได้ยังไง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ว่า ตอนนี้ทางกองทัพ เตรียมกำลังทหารหมดแล้ว เตรียมดูแลพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วง ซึ่งเมื่อสักครู่ได้พูดคุยทั้งแม่ทัพภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่ที่ดูกองทัพต่างๆ ซึ่งยืนยันว่า มีความพร้อมหมด ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยในเรื่องของความปลอดภัย
แน่นอนว่าตนเองไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เพราะเราขึ้นไปเห็นเจ้าหน้าที่ทุกคนมา หากเกิดความรุนแรงตรงนั้นจะเดือดร้อน และจะเกิดอันตราย ดังนั้นเราต้องรักษาทุกชีวิต และจะทำให้ดีที่สุดในการเจรจาเพื่อสันติภาพ แต่ไม่ต้องห่วงทุกคนสแตนด์บายพร้อม หากมีการประทะ
นอกจากนี้ ก่อนเดินทางกลับ ยังมีประชาชนมารอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีโดยบางคนบอกว่า “ยังเหมือนเดิมนะคะ” และบางคนก็สวมกอด พร้อมมอบพวงมาลัย และผ้าขาวม้า
‘บิ๊กกุ้ง’ เผยคุยนายกฯ เคลียร์คลิปเสียง-ไม่มีอะไร ทำหน้าที่กันต่อ
ภายหลังส่งนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ “แม่ทัพภาคที่ 2” ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จ ฮุน เซน ที่พาดพิงเป็นฝ่ายตรงข้าม ว่า คุยกับท่านแล้ว ไม่มีอะไร ทำหน้าที่กันต่อ
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้พูดคุยอะไรหรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีก็บอกว่าเป็นกำลังใจให้และให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนปัญหาที่บริเวณจุดช่องอานม้าที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า และบริเวณปราสาทตาควายที่ จ.สุรินทร์ นั้น พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ไม่มีปัญหาอะไร ปกติ เคลียร์ได้แล้ว
