กองทัพสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 เข้าร่วมปฏิบัติการถล่มโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน “ปธน.ทรัมป์” ชี้เป็นการโจมตีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ระบุฐานนิวเคลียร์เมืองฟอร์โดว์ได้หายไปแล้ว เตือน! “รัฐบาลเตหะราน” อย่าได้ริอาจตอบโต้เป้าหมายสหรัฐฯ ในภูมิภาค ขู่พร้อมโจมตีอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น ด้านนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” ของอิสราเอล เผยคลิปวีดิโอพร้อมชื่นชมการตัดสินใจผู้นำสหรัฐฯ ย้ำเป็นความชอบธรรมแล้ว ขณะที่ “เลขาธิการ UN” กังวล! หวั่นยกระดับความรุนแรง หนุนใช้ “การทูต” นำการทหาร ลั่นความหวังเดียวสำหรับสันติภาพ
วันนี้ (22 มิ.ย.68) สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว US B-2 bombers involved in Iran strikes, U.S. official says อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริการายหนึ่งที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-2 ของกองทัพสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทั้งนี้ เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-2 สามารถบรรทุกระเบิดขนาดใหญ่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์
ในวันเดียวกัน The Times of Israel ของอิสราเอล รายงานข่าว Iran’s key nuclear enrichment facilities completely and totally obliterated ระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยกองทัพสหรัฐฯ ว่า กองทัพได้ดำเนินการโจมตีอย่างแม่นยำต่อโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โด, นาตันซ์ และอิสฟาฮานของอิหร่าน
“เป้าหมายของเราคือการทำลายความสามารถในการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ของอิหร่าน และหยุดยั้งภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่เกิดจากรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลก คืนนี้ผมสามารถรายงานให้โลกได้ทราบว่าการโจมตีดังกล่าวประสบความสำเร็จทางทหารอย่างน่าทึ่ง โรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ที่สำคัญของอิหร่านถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น อิหร่านซึ่งเป็นผู้รังแกตะวันออกกลาง จะต้องสร้างสันติภาพเสียที หากไม่ทำ การโจมตีในอนาคตจะรุนแรงขึ้นและง่ายขึ้นมาก” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว
The Guardian ของอังกฤษ รายงานข่าว Donald Trump says US has attacked three Iranian nuclear sites and ‘totally obliterated’ them ระบุว่า ทรัมป์เปิดเผยปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อค่ำวันที่ 21 มิ.ย. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดยเป็นปฏิบัติการที่ร่วมมือกับอิสราเอล และเตือนอิหร่าน อย่าได้ริอาจตอบโต้เป้าหมายสหรัฐฯ ในภูมิภาค รวมถึงกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ จะโจมตีอย่างหนักหน่วงยิ่งขึ้น
“จะมีสันติภาพเกิดขึ้น หรือไม่ก็เกิดโศกนาฏกรรมกับอิหร่านมากกว่าที่เราพบเห็นในช่วง 8 วันที่ผ่านมา จำไว้ว่ายังมีเป้าหมายอีกมากมาย คืนนี้เป็นคืนที่ยากที่สุดและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตมากที่สุด แต่หากสันติภาพไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจะโจมตีเป้าหมายอื่นๆ ด้วยความแม่นยำ ความรวดเร็ว และทักษะ” ปธน.ทรัมป์ กล่าว
ในช่วงเช้าวันที่ 22 มิ.ย.68 ตามเวลาท้องถิ่นของอิสราเอล “เบนจามิน เนทันยาฮู” นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เผยแพร่คลิปวีดีโอที่ตนกล่าวชื่นชมการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯ ในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยพลังอำนาจที่น่าเกรงขามและชอบธรรมของสหรัฐฯ ซึ่งจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้
ด้าน “สำนักข่าว IRNA” ของรัฐบาลอิหร่าน รายงานเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ (22 มิ.ย.) ยอมรับว่ามีการโจมตีเกิดขึ้นจริง
เช่นเดียวกับ “สำนักข่าว Fars” ซึ่งเป็นหน่วยงานกึ่งทางการซึ่งอยู่ใกล้กับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่อีกรายที่ระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศเปิดฉากยิงใกล้เมืองอิสฟาฮานและได้ยินเสียงระเบิด อย่างไรก็ตาม องค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่าน ออกแถลงการณ์ระบุว่า อิหร่านจะดำเนินกิจกรรมนิวเคลียร์ต่อไป แม้ว่าสหรัฐฯ จะโจมตีโรงงานสำคัญก็ตาม และจะไม่ยอมให้เส้นทางการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากเลือดของผู้พลีชีพเพื่อนิวเคลียร์ต้องหยุดลง
การตัดสินใจที่จะให้สหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลโจมตีอิหร่านเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีดความสามารถขีปนาวุธโจมตีของประเทศอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกันก็สร้างความเสียหายให้กับโรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอิสราเอล กล่าวว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดสเตลท์ (B-2) ของสหรัฐฯ ติดตั้งระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ขนาด 30,000 ปอนด์ (13,500 กิโลกรัม) เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการทำลายฐานที่มั่นที่ได้รับการเสริมกำลังอย่างแน่นหนาซึ่งเชื่อมโยงกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ฝังลึกอยู่ใต้ดินที่ฟอร์โด
สื่ออังกฤษยังอ้างรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.68 เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 ราย ได้ให้ข้อมูลว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 กำลังถูกเคลื่อนย้ายไปยังเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีฐานผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่หลังปฏิบัติการโจมตีเกิดขึ้น อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวล
“การโจมตีครั้งนี้เป็นการยกระดับความรุนแรงที่อันตรายในภูมิภาคที่อยู่บนปากเหวแล้ว ในช่วงเวลาอันตรายเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลง ไม่มีทางออกทางการทหาร หนทางเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้าคือการทูต ความหวังเดียวคือสันติภาพ” เลขาธิการ UN กล่าว
The Guardian ยังอ้างรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์อีกว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2568 เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดคุยโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง และอิสราเอลจะลากสหรัฐฯ เข้าสู่สงคราม แต่ในพื้นที่สาธารณะ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้จำกัดการวิพากษ์วิจารณ์ของตนเกี่ยวกับศักยภาพในการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ ทั้งนี้ อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านโดยอ้างว่าต้องการกำจัดโอกาสที่เตหะรานจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่อิหร่านโต้แย้งว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนมีจุดมุ่งหมายเพื่อสันติ