Home Feature อิหร่านปิด ‘ช่องแคบฮอร์มุซ’ เขย่าวิกฤตพลังงานโลก! น้ำมันสำรองไทยพอใช้ 63 วัน

อิหร่านปิด ‘ช่องแคบฮอร์มุซ’ เขย่าวิกฤตพลังงานโลก! น้ำมันสำรองไทยพอใช้ 63 วัน

by admin

วิกฤตตะวันออกกลาง “อิหร่าน” ฮึ่ม! เตรียมปิดช่องแคบ “ฮอร์มุซ” สะเทือนเอเชียหนักสุด หวั่นพลังงานพุ่ง เขย่าเงินเฟ้อ “พีระพันธุ์” ชี้กระทบไทย ราคาน้ำมัน-ก๊าซพุ่ง สั่งหาแหล่งเชื้อเพลิงอื่นเพิ่ม จ่อชง “คลัง” ลดภาษีสรรพสามิต ตรึงราคาผ่าน “กบน.” เผยมีน้ำมันสำรอง พอใช้ 63 วัน

วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้เชิญผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน จากสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนรัฐสภาอิหร่านมีมติให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางในการขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศที่สำคัญของโลก หรือประมาณ 20% ของปริมาณความต้องการน้ำมันของโลกต่อวัน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง และอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบประมาณ 90% โดยประมาณ 59% เป็นการนำเข้าจากตะวันออกกลาง ได้แก่ จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) คูเวต ซาอุดิอาระเบีย และโอมาน ซึ่งต้องขนส่งทางเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซ  

นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมวางแผนในแนวทางต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศ หากสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านมีความรุนแรงมากขึ้น และหากระยะเวลาในการปิดช่องแคบฮอร์มุซมีความยืดเยื้ออย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยได้พิจารณาหามาตรการจัดเตรียมปริมาณน้ำมันสำรองภายในประเทศ รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  

“หลังสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านมีความรุนแรงมากขึ้น ตนได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ และเตรียมแผนในการจัดหาน้ำมันจากแหล่งอื่น ทดแทนการนำเข้าน้ำมันที่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ โดยต้องคำนึงถึงต้นทุนราคาพลังงานเป็นสำคัญ รวมทั้งได้เตรียมแนวทางต่างๆ เพื่อบริหารจัดการด้านราคาและปริมาณสำรองภายในประเทศ”

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและปริมาณสำรองน้ำมัน และขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดการนำเข้า ซึ่งจะช่วยให้ประเทศลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในการเตรียมพร้อมรับมือด้านราคาน้ำมันนั้น ส่วนหนึ่งจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมารักษาเสถียรภาพด้านราคา รวมทั้งอาจจะขอความร่วมมือกับกระทรวงการคลังในการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้น ส่วนในด้านปริมาณสำรองจะดำเนินการจัดหาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นในภูมิภาคทดแทนและอาจเพิ่มปริมาณสำรองมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 76.85 ดอลลาร์/บาร์เรล, น้ำมันดีเซล 97.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่เบนซิน 89.81 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนในด้านปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ ณ วันที่ 23 มิ.ย.68 มีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,349 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 25 วัน, น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง (ผ่านช่องแคบฮอร์มุซแล้ว) 2,846 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 21 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,958 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 17 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 63 วัน

ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จะมีการบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นภายในประเทศ

ในส่วนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดูแลด้านราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้น

โดยลาสุด กบน. มีมติตรึงราคาดีเซล ครั้งที่ 5 ปรับอัตราเงินชดเชยน้ำมันดีเซล เพิ่มอีก 30 สตางค์ต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อราคาขายปลีกภายในประเทศ ส่วนก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ก็ต้องนำเข้าผ่านช่องแคบฮอร์มุซ เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน ดังนั้นเพื่อเตรียมรับผลกระทบต่อราคาไฟฟ้า จึงสั่งการให้ กฟผ. เตรียมหาก๊าซ LNG จากแหล่งอื่นที่มีราคาถูกเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวนี้ด้วยแล้ว

Related Articles