Home Feature ‘บัวแก้ว’ ฟาดเขมร! ปั่นโซเชียลจุ้นไทย ไร้มารยาทเวทีโลก

‘บัวแก้ว’ ฟาดเขมร! ปั่นโซเชียลจุ้นไทย ไร้มารยาทเวทีโลก

by admin

“กระทรวงการต่างประเทศ” ตอบโต้! กัมพูชาปั่นโซเชียลแทรกแซงไทย ไร้มารยาทเวทีโลก ขัดแนวปฏิบัติสากล! ยันไทยไม่ได้ปิดด่าน แต่คุมเข้มสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รัฐบาลไทยไม่ต้องการที่จะให้ประเด็นปัญหาระหว่างรัฐส่งผลกระทบไปยังประชาชนของทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การออกมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ ของฝ่ายไทยได้ผ่านการไตร่ครองมาอย่างรอบครอบ และคำนึงถึงความปลอดภัย ความเดือดร้อนและผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและชุมชนทั้งสองฝ่าย

ขอยืนยันอีกครั้งว่าไทยไม่ได้ปิดด่านสำหรับผู้ผ่านด่านของทั้งสองประเทศ รวมถึงชาวต่างชาติประเทศอื่นๆ โดยจะมีการปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงและความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยังคงอนุโลมการผ่านแดนโดยจะเป็นไปตามความจำเป็นด้านมนุษยธรรม

นายนิกรเดช กล่าวว่า การดำเนินการมาตรการควบคุมผ่านแดนที่เข้มข้นของไทยเป็นหนึ่งในประการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกหลวงออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของภูมิภาคที่จะสร้างความสูญเสียให้กับทั้งประชาชนไทยและกัมพูชา รวมถึงประเทศอื่นๆ ทั้งในและนอกภูมิภาค ไทยจึงมีความตั้งใจจริงเพื่อแก้ไขปัญหานี้และขอความร่วมมือจากทุกประเทศในการขจัดกระบวนการอาชญากรรมเหล่านี้ให้หมดไป

นายนิกรเดชย้ำว่า รัฐบาลไทยจะใช้ช่องทางที่เป็นทางการเพื่อติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลกัมพูชา โดยเห็นว่าการแสดงความเห็นของฝ่ายกัมพูชาในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีเนื้อหาแทรกแซงกิจการภายในของไทยเป็นการกระทำที่ขัดต่อแนวปฏิบัติสากล ไม่เป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชางดเว้นการกระทำดังกล่าวและหันกลับมาเจรจากับฝ่ายไทยด้วยความจริงใจและความสุจริตใจ

“ไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขความตึงเครียดที่มีอยู่สร้างสันติด้วยความจริงใจและความสุจริตใจ โดยยึดหลักการความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี จิตวิญญาณของความเป็นเอกภาพในอาเซียนและเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชากลับมาร่วมโต๊ะเจรจากับไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้ช่องทางทวิภาคีที่มีอยู่หลายๆ กรอบ” นายนิกรเดชกล่าว

พร้อมกล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาหยิบยกในที่ประชุมองค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสหรือ OIF ที่กรุงปารีส ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) มาตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิทธิอธิปไตยของรัฐที่พึงปฏิบัติได้ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

นายนิกรเดชทิ้งท้ายว่า ไทยเชื่อว่าแก่นแท้ของการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศคือการนำกฎหมายดังกล่าวไปปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบ ไม่ใช่คำพูดว่าเคารพ แต่ต้องปฏิบัติจริง

ขอย้ำว่าไทยเห็นว่าสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาควรได้รับการแก้ไขผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจที่ไทยและกัมพูชาจัดทำร่วมกันเมื่อปี 2543 (MOU43) ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีพันธะที่จะต้องปฏิบัติตาม

Related Articles