“เนติบริกร” แจงยิบ! รับนั่ง “ที่ปรึกษานายกฯ” ช่วยดูเรื่องกฎหมาย แย้มคดีถอดถอน “เศรษฐา” มีช่องสู้ บอกไม่ยาก “ยิ่งลักษณ์” กลับไทย แค่ส่งตั๋วไปให้ ชี้รับงานไม่เกี่ยวกับกลุ่มอำนาจเก่า สวนโซเชียล ถ้าตระบัดสัตย์ เป็นรองนายกฯ ไปแล้ว
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่เนติบัณฑิตยสภา นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกฯ จะเดินทางเข้าทำเนียบฯ เมื่อไหร่นั้น ว่า ตนไม่มีอะไรพูดไปกว่าสิ่งที่นายกฯ ได้พูดไปแล้ว นายกฯ พูดตรงและครบทุกประเด็น ที่ผ่านมานายเศรษฐามาพบตน มาขอให้ไปช่วย ตนก็ได้บอกไปว่าสุขภาพไม่ดี อีกทั้งในช่วง 10 เดือนที่ห่างหายไป ก็ไปรับงานอื่นหลายอย่าง หากต้องลาออกไปงานเขาก็จะเสีย แต่นายกฯ บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นให้มาเป็นที่ปรึกษาก็ได้ ตนก็ได้แจ้งไปว่า ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน นายกฯ เลยบอกว่าไม่ต้องเป็นที่ปรึกษานายกฯ ตามตำแหน่ง
โดยที่ปรึกษามีสองแบบ คือที่ปรึกษาโดยเจาะจงที่มี 5 คนและตั้งไปครบแล้วตนไม่ยอมเป็นอันนั้นแน่ เพราะการเป็นข้าราชการการเมืองต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่มีที่ปรึกษาอีกเยอะที่สามารถตั้งได้ อย่างที่นายกฯ เคยตั้งนายกิติรัตน์ ณ ระนอง และอีกหลายคน นายกฯ เลยบอกให้มาเป็นที่ปรึกษาแบบนี้ ที่ไม่มีห้องทำงาน ไม่มีรถประจำตำแหน่ง ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง มีแต่เบี้ยประชุม และได้ขอให้ช่วยทำในบางเรื่องที่รัฐบาลมีปัญหา อีกทั้งในคณะรัฐมนตรีไม่มีนักกฎหมาย บางทีก็มีการทักท้วงกันระหว่างผู้ไม่รู้กับผู้ไม่รู้ หรือบางครั้งก็มีการทักท้วงจากคนข้างนอก
เพราะฉะนั้นนายกฯ เลยบอกว่า อาจจะส่งประเด็นที่มีการทักท้วงการให้ตนดูก่อน ซึ่งตนก็บอกว่าให้เป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วกัน จะได้ไม่โลว์โปรไฟว์ และจะช่วยดูวาระคณะรัฐมนตรีที่สำคัญบางเรื่อง ซึ่งนายกฯ ก็ยอมรับ แต่ตอนหลังมีคนมาบอกตนว่า ได้ไปคุยกับบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งหลาย และเขาอยากให้ตนเข้ามานั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย คอยยกมือ อาจจะท้วงหรือแถมในระหว่างประชุมจะได้ไม่เสียเวลา ไม่เช่นนั้นหากมีมติไปก่อนแล้วไปเช็กทีหลัง ตนก็ทักท้วงไปว่าในที่ประชุมมีกฤษฎีกา มีกระทรวงยุติธรรมอยู่ก็น่าจะช่วยได้ รัฐมนตรีหลายคนก็เป็นนักกฎหมาย เช่น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน โดยนายกฯ บอกว่าบางเรื่องเป็นอย่างนั้นได้ แต่บางเรื่องรัฐบาลต้องการความเห็นที่กลางๆ กรณีนายพีระพันธุ์ ถ้าพูดอะไรในขณะที่เป็น รมว.พลังงาน ด้วยมันจะลำบาก ซึ่งตนได้แจ้งไปว่า หากนายกฯ สามารถหารองนายกฯ ที่ช่วยดูเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ตนก็จะขอกลับไปทำงานอย่างเดิม
เมื่อถามว่า สรุปแล้วตำแหน่งที่รับเป็นที่ปรึกษา สลค. หรือที่ปรึกษานายกฯ นายวิษณุ กล่าวว่า ตอนแรกเป็นที่ปรึกษา สลค. แต่มีอุปสรรค์หลายอย่าง เช่น จ่ายเบี้ยประชุมไม่ได้ และไม่มีสิทธิเข้าไปดูเอกสารและเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ตนก็เลยได้ยินว่าจะให้ตนเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ความจริงการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีไม่มีปัญหา ใครเข้าก็ได้ แต่ถ้าเป็นที่ปรึกษา สลค.จะพูดอะไรไม่ได้ แต่การเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ สามารถพูดได้
ถามต่อว่าการเข้ามาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการที่กลุ่ม 40 สว. ยื่นสอบคุณสมบัตินายกฯ ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรเลย
เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะปรึกษาเรื่องนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นไปได้ และคงต้องทำอยู่แล้ว เพราะเวลาเขามีอะไรเขาก็ต้องปรึกษา สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ มีคดีความก็ส่งมาให้ตนดู แต่ยืนยันกรณีกลุ่ม 40 สว. ตนไม่เป็นหัวขบวน นายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นเจ้าของเรื่อง มีทนาย มีกฤษฎีกา อัยการ ช่วยทำให้ แต่การที่มีหลายทีมอาจทำให้มีความคิดเห็นขัดกัน จึงให้ตนเข้าไปช่วยดูด้วยว่าแต่ละคนที่มีความเห็นคนละด้านจะนำมาผสมกลมกลืนอย่างไร
เมื่อถามว่าเท่าที่ดูคิดว่านายเศรษฐา จะสู้คดีได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่อยากตอบตอนนี้เพราะยังไม่เห็นคำร้องของ 40 สว.ว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะพูดให้สื่อมีความหวังก็ขอตอบว่า มันก็มีหนทางที่จะสู้คดีอยู่ สู้แล้วชนะหรือไม่ ไม่รู้ แต่เอาเป็นว่ามีโอกาสที่จะสู้คดีได้ แต่จะฟังขึ้นหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายวิษณุเข้ามาอาจต้องดูเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับประเทศไทย และคดีของนายทักษิณด้วย อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า ไม่จริง เพราะความจริงการจะเอา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาไม่ยากเลย ซื้อตั๋วส่งไปให้ก็กลับมาได้แล้ว ปัญหาคือมาแล้วต้องถูกจำคุก 5 ปีตามที่ศาลตัดสินไว้ แล้วตนจะไปช่วยอะไรตรงนี้ได้ หรือกรณีของนายทักษิณ ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ ที่ผ่านมาเพราะนายทักษิณ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ แล้วตนจะไปช่วยอะไรได้ เขาก็ต้องทำของเขาเอง
เมื่อถามว่า การประสานให้เข้ามาทำงานกับรัฐบาลครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่ามาจากขั้วอำนาจเดิมโดยเฉพาะจาก “ปลัดฉิ่ง” หรือนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย เพราะคนที่ประสานคือนายกฯ ที่โทรศัพท์มาตั้งแต่อยู่ที่อิตาลีว่ากลับมาแล้วจะมาพบ แต่ไม่รู้ว่ามีใครไปบอกกับท่านหรือไม่ ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่เคยติดต่อกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เพราะท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้ติดต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังมีข่าวออกมา โซเชียลได้ไปขุดคำพูดของนายกฯ ที่กล่าวถึงนายวิษณุ ว่าไม่มียางอาย นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ติดใจอันนี้เหมือนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยพูดถึงตนไว้ ตอนนั้นตนก็แลกไปคนละหมัดแล้ว
เมื่อถามอีกว่าทำไมถึงใจอ่อน เพราะคนในโซเชียลก็โจมตีว่าเป็นการตระบัดสัตย์ นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็ผมไม่รับไง เพราะถ้าผมตระบัดสัตย์ผมก็เป็นรองนายกฯ ไปแล้ว ผมอุตส่าห์เขียนหนังสือทะเลกับหาดทราย วันหนึ่งทะเลซึ่งก็คือการเมือง มันคงขึ้นมาซัดทรายอยู่เรื่อยๆ ที่หมอดูเคยทายเอาไว้วันนี้ก็มาถึง แต่ให้เป็นรองนายกฯ ผมไม่เป็น เพราะเคยบอกแล้วว่าใครมาชวน จะเปิดสะดือให้ดูแล้วก็เปิดให้ดูจริงๆ และผมไม่หนักใจการวิจารณ์ในโซเชียล ระบอบประชาธิปไตยใครจะว่าอะไรก็ว่าไปข้อสำคัญ สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง บริสุทธิ์ ที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ย่อมรู้อยู่แก่ตัวเอง”
เมื่อถามต่อว่า ถ้ายังไม่มีรองนายกฯ ด้านกฎหมาย ก็จะนั่งตำแหน่งนี้ยาวเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไปถึงจังหวะพอสมควร ถ้านานไปตนก็มีเหตุผลร้อยแปดที่จะบอกนายกฯ