กกต.รับรองแล้ว “200 สว.ใหม่” สอยร่วง 1 คน กลุ่ม 18-สื่อมวลชน ขยับ “ว่าที่” เสียบ พร้อมเปิดรับหนังสือ 11-12 ก.ค.นี้ ก่อนรายงานตัววุฒิสภา
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดประชุมเพื่อพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว.
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงว่า กกต.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการเลือก สว.นี้เป็นไปด้วยความถูกต้อง สุจริต เที่ยงธรรม จึงมีมติประกาศผลเลือก สว. 20 กลุ่ม 200 คน โดยมีสำรอง 99 คน จากสำรอง 100 คน ซึ่ง กกต.ยกเว้นในกลุ่มที่ 18 กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม หรืออื่นๆ เป็นการระงับสิทธิสมัคร หรือใบส้ม ฉะนั้น กกต.จึงเลื่อนสำรองในกลุ่มดังกล่าวอันดับที่ 11 เลื่อนมาเป็น สว.แทน
เลขาธิการ กล่าวว่า ตามมาตรา 40 พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 42 ระบุว่า หาก กกต.เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย กกต.จึงจะประกาศรับรองผล ซึ่งดูจาก 3 เงื่อนไขในพิจารณาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.หรือไม่ ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้รวบรวมกลุ่มความผิดที่อาจจะนำมาพิจารณาเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการประกาศผลการเลือก สว.ครั้งนี้ คือ 1.คุณสมบัติลักษณะต้องห้าม หมายรวมถึงการสมัครลงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วย 2.กระบวนการในการดำเนินการเลือก ในวันที่ 9 ,16 และวันที่ 26 มิ.ย. และ 3.ความไม่สุจริตและเที่ยงธรรมอันเกิดจากการฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งสังคมจะใช้กันว่าการจัดตั้ง บล็อกโหวต หรือฮั้ว
ส่วนกรณีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามมี 3 เรื่อง คือ มีผู้สมัครที่สนใจมาสมัครช่วงเปิดรับสมัคร 5 วัน จำนวน 48,117 คน ซึ่ง ผอ.การเลือกระดับอำเภอได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และไม่รับสมัครจำนวน 1,917 คน เมื่อรับสมัครไปแล้วก็ได้ลบชื่อก่อนการเลือกระดับอำเภออีก 526 คน ก่อนผ่านชั้นจังหวัดก็ได้ลบผู้มีสิทธิ์เลือกไปอีก 87 คน และผ่านมาระดับประเทศ ผอ.ระดับประเทศก็ลดผู้สมัครไปอีก 5 คน รวมแล้วมีการตรวจสอบและคัดคนที่ไม่มีคุณสมบัติในลักษณะต้องห้ามออกไปอีกเกือบ 3,000 คน
นอกจากนี้ กกต.มีมติให้ใบส้มเรื่องคุณสมบัติ จำนวน 89 ใบ ระงับสิทธิ์สมัครชั่วคราว รวมทั้งส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งด้วยอีก 1 คน เนื่องจากได้เข้าสู่กระบวนการเลือกแล้ว จึงเป็นผู้มีส่วนทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
ส่วนระดับอำเภอที่ลบไป 500 กว่าคนนั้น ไม่ได้ให้ใบส้ม เพราะยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเลือกระดับอำเภอ แต่จะไปพิจารณาว่าผู้ที่สมัครรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ยังไปสมัครรับเลือก ซึ่งถือเป็นคดีอาญา
ทั้งนี้ เรื่องร้องเรียนข้างต้นคิดเป็น 65% หรือราวๆ 600 กว่าเรื่องจากเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 800 กว่าเรื่องที่มาเข้ามาจนถึงขณะนี้ โดยเป็นเรื่องความปรากฏซึ่งมีผู้สมัครมาร้องเอง และที่ กกต.ลบชื่อออก ดังนั้น จึงเหลืออยู่ราวๆ 200 เรื่องที่ต้องพิจารณา
ส่วนกรณีการสมัครไม่ตรงกลุ่มที่ถูกวิจารณ์ว่าคนแบบนี้ไปอยู่กลุ่มนั้น กลุ่มนี้ได้อย่างไรนั้น สังคมอาจจะเข้าใจยังไม่ตรงมาก เพราะตามมาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ และคำว่า “กลุ่ม” ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญ ไม่มีกลุ่มอาชีพ แต่เป็น “กลุ่มของด้าน” ทั้ง 20 ด้าน ซึ่งกฎหมายเปิดกว้างให้คนสมัครด้านใดด้านหนึ่งได้ และมีผู้รับรอง 1 คน ซึ่งเคลียร์แล้ว กกต.ตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้ นายแสวง ยืนยันว่า การประกาศไปก่อนแล้วมาสอยทีหลัง เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226 และ พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว.มาตรา 62 ส่วนที่ได้ใบส้มไป 1 คน จนต้องเลื่อนลำดับสำรองมาแทน เพราะพบความผิดชัดเจนในเรื่องของคุณสมบัติ
เมื่อถามว่า การที่ กกต.ประกาศบัญชีสำรอง 99 คน จะขัดกับกฎหมายที่ให้ กกต.ต้องประกาศบัญชี สว.200 คน และบัญชีสำรอง 100 คน หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ก็ทำไปแล้ว ซึ่งตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง สว. มาตรา 42 ไม่ได้เขียนกรณีดังกล่าวไว้ แต่ กกต.มาออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือก สว.ฉบับที่ 3 ข้อ 154/1 ให้ กกต.สามารถเลื่อนบัญชีสำรองขึ้นมาแทนได้
เมื่อถามต่อว่า ทำไม่ไม่รับรองไปก่อนแล้วค่อยมาสอยทีหลัง จะได้ไม่เกิดปัญหา นายแสวง กล่าวว่า มีคำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยวางแนวเอาไว้แล้ว เมื่อเราพบถ้าไม่ทำ ก็ไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร วันนี้จะส่งชื่อประกาศราชกิจจานุเบกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคคลที่ถูก กกต.ระงับสิทธิชั่วคราวหรือแจก “ใบส้ม” คือ น.ส.คอดียะฮ์ ทรงงาม ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.อ่างทอง ลำดับที่ 4 กลุ่ม 18 (กลุ่มสื่อสารมวลชน) โดยระบุในประวัติการทำงานว่า “ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายหมู่บ้าน เป็นประชาสัมพันธ์อำเภอไชโย” อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.คอดียะฮ์ เป็นที่ปรึกษานายก อบจ.อ่างทอง คือศาลฎีกาวางแนวเอาไว้ว่า การเป็นที่ปรึกษานายก อบจ.ถือเป็นผู้บริหารท้องถิ่น จึงถูกระงับสิทธิชั่วคราว ทำให้เลื่อนว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ลำดับที่ 11 ซึ่งอยู่ในบัญชีสำรอง เลื่อนขึ้นมาอยู่ในบัญชีตัวจริงลำดับ 10
อย่างไรก็ตาม หลัง กกต.ประกาศรับรอง สว. 200 คน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ประชุมหารือหลังจากจัดเตรียมสถานที่รองรับ สว.ใหม่มารายงานตัว โดยได้ข้อสรุปว่าจะเปิดให้ สว.ชุดใหม่มารายงานตัวตั้งแต่วันที่ 11-12 ก.ค. และวันที่ 15 ก.ค. ในวันเวลาราชการ เพื่อรับบัตรประจำตัวของการเป็น สว. รวมถึงเอกสารและคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ สว. จากนั้นจะออกหนังสือนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อให้สมาชิกกล่าวคำปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะเข้าสู่วาระการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาต่อไป