อนุมัติเงินเยียวยาเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ กรณีเสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท ได้ทั้งหมดรวม 2.39 ล้านบาทต่อราย ด้าน “สุริยะ” ผุด 5 มาตรการเข้ม สั่งสังคายนาระบบรถสาธารณะใน 60 วัน ไม่ปล่อยพวกดื้อขอใช้รถเก่า
วันนี้ (2 ต.ค.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มีมติอนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ ดังนี้
กรณีเสียชีวิต รายละ 1 ล้านบาท
กรณีทุพลภาพ รายละ 700,000 บาท
กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท
กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 100,000 บาท
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ ส่งรายชื่อและข้อมูลของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด มายังคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อให้จ่ายได้ภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษา ของคณะครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เกิดเหตุเพลิงไหม้ จะได้รับเงินเยียวยาทั้งสิ้น รวม 2.39 ล้านบาท
โดยเป็นเงินจากกองทุน 1 ล้านบาท จากประกันภัยของบริษัทรถบัส 1 ล้านบาท, จากกองทุนของกระทรวงยุติธรรม 2 แสนบาท, จากกองทุนกระทรวงศึกษาธิการ 1.8 แสนบาท และจากกองทุนกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1 หมื่นบาท
พร้อมกันนี้ได้มีข้อสั่งการ 5 ข้อ ได้แก่
1. กรมการขนส่งทางบุก เรียกรถโดยสารสาธารณะที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดเข้ารับการตรวจสภาพรถ จำนวน 13,426 คัน ภายใน 60 วัน
2. ให้ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทาง ให้เข้ารับการตรวจสภาพเพื่อดูเรื่องการให้บริการ ซึ่งถือเป็นการสังคยานารถโดยสาธารณะทั้งหมดเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
3.ให้กรมการขนส่งทางบก บูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาทั่วประเทศ ในกรณีที่จะนำรถเช่าเหมา หรือรถโดยสารไม่ประจำทางไปใช้บริการ ให้ประสานงานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
4.พนักงานขับรถและผู้ประจำรถ ต้องได้รับการอบรม และทดสอบ การเผชิญเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้โดยสารตามหลักสูตรการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร (Crisis Management) ทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรม
และ 5.จะออกกฎหมาย ระเบียบ เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องมีการแนะนำข้อมูล และแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเช่นเดียวกับสายการบิน โดยเมื่อผู้โดยสารขึ้นรถพนักงานต้องให้การแนะนำการใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินกรณีมีเหตุ และเส้นทางการหนีภัย เพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมหากมีเหตุฉุกเฉิน
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า จากนี้กระทรวงจะเข้าไปดูการออกแบบรถโดยสารว่าจำนวนที่นั่งเหมาะสมหรือไม่ มีทางออกควรเพิ่มเติมอย่างไร รวมถึงกรณีต้องเดินทางไกลควรต้องมีคนขับรถสองคนเป็นมาตรการที่กระทรวงฯ จะทำตั้งแต่วันนี้
“ถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะต้องใช้ เพราะในอดีตเวลาที่กระทรวงฯ จะออกมาตรการบังคับ พวกผู้ประกอบการทั้งหลายก็จะไม่ยินยอมและมาขอร้อง มาประท้วง แต่จากนี้ไปเราคงยอมไม่ได้ ตนจะใช้โอกาสนี้ออกมาตรการอย่างเด็ดขาด จะให้เป็นเช่นเดิมต่อไปไม่ได้แล้ว และมองภาพรวมไปถึงรถโดยสารสาธารณะรถตู้ทั้งหลาย ถ้าอายุเกินเราจะไม่ต่อให้เด็ดขาด ไม่ว่าจะมาประท้วงหรือมาขอร้อง จะถือโอกาสครั้งนี้ไม่ยอมกันอีกแล้ว” นายสุริยะ กล่าว