“ศปช.” สั่งลดระบายน้ำหลังเขื่อนให้เหมาะสม หลังเข้าปลายฝนต้นหนาว น้ำเริ่มลดปริมาณลง แต่ให้เฝ้าระวังช่วง 2-3 วันนี้ ด้าน “ศปช.ส่วนหน้า” ยัน “แม่สาย” คืนการคมนาคมทั้งหมดแล้ว ชี้ “ลำพูน” ไม่ลำพัง ศปช.ระดมเครื่องสูบน้ำ-เร่งผลักดันน้ำ คาด 15 ต.ค.นี้ ระบายน้ำออกได้ทั้งหมด
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. และ ศปช.ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากการบริหารจัดการน้ำเพื่อลดผลกระทบของประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับลด การระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานว่า ในช่วง 12.00 น.วันนี้ จะปรับลดการระบายน้ำลงอีก อยู่ที่ 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้ สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สิงห์บุรี และบางพื้นที่ ของ จ.อ่างทอง จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“แม้จะมีการปรับลดการระบายน้ำในวันนี้แล้ว แต่ในช่วงวันที่ 13-24 ต.ค.นี้ พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะจังหวัดท้ายเขื่อน ตั้งแต่ จ.ชัยนาท ลงมา อาทิ อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพ และสมุทรปราการ ยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังระดับน้ำที่อาจเข้าท่วมชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ และบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกัน ซึ่งที่ประชุม ศปช.ได้สั่งการให้ สทนช. ,กรมชลประทาน ,กรมอุทกศาสตร์ และ กทม. เฝ้าระวังและเตือนภัยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่อไป”
ส่วนความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำปิง ในพื้นที่ภาคเหนือ หลังมวลน้ำเคลื่อนตัวจาก จ.เชียงใหม่ ไปยัง จ.ลำพูน จนทำให้ระดับน้ำท่วมสูง บางจุดมีน้ำขังจนทำให้ประชาชนและเกษตรกรเริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำที่เริ่มเน่าเสียนั้น ที่ประชุม ศปช.ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมกรมชลประทาน ระดมเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำเข้าพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ บริเวณบ้านสบปะ ต.ริมปิง มีเครื่องสูบน้ำติดตั้ง 3 เครื่อง และบ้านป่าไผ่ ต.หนองช้างคืน มีเครื่องสูบน้ำติดตั้ง 2 เครื่อง โดยล่าสุดทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งเพิ่มเติมคาดว่าจะใช้เวลา 3 วัน ทั้ง 2 จุดนี้จะเข้าสู่ภาวะปกติ
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้ขอรับการสนับสนุนกำลังพลและเรือผลักดันน้ำจากกองทัพ จำนวน 20 ลำ โดย 10 ลำแรก นำไปติดตั้งไว้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำปิง สะพานเฉลิมพระเกียรติ 2540 จุดเชื่อมต่อระหว่าง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน และ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ส่วนอีก 10 ลำ ติดตั้งบริเวณสะพานศรีบุญยืน อ.เมือง จ.ลำพูน โดยกองทัพเรือติดตั้งแล้วเสร็จเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 จุด ได้เดินเครื่องเต็มศักยภาพเพื่อเร่งระบายที่ตกค้างในพื้นที่ ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน โดยคาดว่าภายในวันที่ 15 ต.ค. จะสามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ จ.ลำพูน ได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ นายจิรายุ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งอุปสรรคสำคัญคือการกำจัดโคลนที่ตกค้างในพื้นที่ โดย ศปช.ส่วนหน้า ได้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็น 2 โซนหลัก 6 โซนย่อย โดยกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบโซนเหมืองแดง เหมืองแดงใต้ และปิยะพร ด้านกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบโซนหัวฝาย-สายลมจอย เกาะทราย ไม้ลุงขน
“ที่ประชุมได้รับรายงานว่าขณะนี้ทุกอย่างเดินหน้าตามแผนที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะบริเวณตลาดสายลมจอย ซึ่งถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ด้วยร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้ระดมเคลียร์โคลนออก จนทำให้เช้าวันนี้ สามารถเคลียร์พื้นที่จนเดินเท้าเข้า – ออกได้อย่างสะดวกมากขึ้น โดยหลังจากนี้จะทำให้การเข้าทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชนเดินหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น”
ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ในฐานะประธาน ศปช.ส่วนหน้า ลงพื้นที่บ้านห้วยทรายขาว หมู่ 3 ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ต.แม่ยาว จากนั้นจะพบปะประชาชนเพื่อมอบทุนการศึกษา มอบเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง และมอบเครื่องอุปโภคบริโภค บรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัย