“ชูศักดิ์” ลั่น! พร้อมฟ้องกลับ “นักร้องเท็จ” ลั่นกฎหมายมีอยู่แล้ว อัดทำประเทศจมปรัก-สังคมเบื่อหน่าย เดินหน้ากันไม่ได้สักที เผยยังไม่เห็นคำร้อง “เรืองไกร”
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยินยอมหรือกระทำการใดอันทำให้นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย กระทำการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคเพื่อไทย ในลักษณะที่ทำให้พรรคหรือสมาชิกขาดความอิสระ อันเป็นการฝ่าฝืน พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 มาตรา 28 หรือไม่ โดยนายชูศักดิ์ ระบุว่า เป็นเรื่องเก่าเรื่องดั้งเดิม เราอย่าไปติดกับอะไรมากมาย ซึ่งเคยชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ท้ายที่สุดหากเห็นว่ามีข้อมูลอย่างไรก็ส่งคำร้องมา ซึ่งเราก็ชี้แจงกันไปยืนยันว่าไม่ใช่การครอบงำแค่นี้เอง
เมื่อถามว่าได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งข้อกฎหมายและฝ่ายกฎหมายไว้แล้วใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำร้องเลยว่าเป็นอย่างไร ใครร้องบ้างเรายังไม่รู้
เมื่อถามต่อว่าจะมีมาตรการทางกฎหมายอย่างไร เนื่องจากช่วงหลังมีนักร้องจำนวนมากอาจจะมีมูลบ้าง หรือไม่มีมูลบ้าง ควรจะให้มีหลักฐานชัดเจนมีความน่าเชื่อถือหรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนถึงบอกว่าต้องมีการปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบต่างๆ ทั้งหลาย ต้องสังคายนากันยกใหญ่ ซึ่งขณะนี้ก็มีกฎหมายอยู่แล้ว ร้องเท็จ ฟ้องเท็จ ก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งหมดต้องปรับกระบวนการทั้งหมด ถ้าไม่ปรับตรงนี้ก็ลำบาก เราจะสาระวนกันอยู่ในเรื่องแบบนี้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้ถูกร้องจะสามารถดำเนินการฟ้องกลับได้หรือไม่ หากคดีถูกยกไป นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มีอยู่แล้ว กฎหมายปัจจุบันมันก็มีอยู่ ต้องดูกัน เพราะมันมากมายก่ายกอง มันกลายเป็นประเด็นที่น่าเบื่อหน่ายของสังคม มันเดินหน้ากันไปไม่ได้สักที ก็หยุดอยู่กับเรื่องอะไรที่ไม่เป็นเรื่องเหล่านี้ เราจะใช้เวลาบริหารประเทศบ้างมันก็จมปลักกันอยู่แบบนี้
เมื่อถามย้ำว่ามีโอกาสจะฟ้องกลับใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ดูว่าท้ายที่สุดองค์กรอิสระจะว่าอย่างไร
เมื่อถามอีกว่าดูจากหลายคำร้องที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. มีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่ถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “มันไม่เกี่ยวหรอก คือเรื่องครอบงำ ต้องเป็นเรื่องแทรกแซงสั่งการ จนคณะกรรมการบริหาร บุคคลที่เกี่ยวข้องสมาชิกพรรคไม่มีอิสระในการบริหาร ผมก็บอกไปแล้วว่าใครมาสั่งการอะไรได้ เพราะตอนเย็นมีมติพูดกันแบบนี้ แต่ตอนเช้าเราบอกว่าไม่ใช่ เราเห็นอย่างนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว”