จับตาประชุม “พปชร.” 29 ต.ค.นี้ ลุ้นลงดาบ “สามารถ” ขับพ้นสมาชิกพรรค เซ่นคลิปฉาวเรียกรับผลประโยชน์ “ดิ ไอคอน” พร้อมปัดฝุ่นกรณีส่ง “พันตำรวจโท” เข้าสอบแทนสมัยเรียนปริญญาเอก จนถูกตัดสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 29 ต.ค. เพื่อพิจารณาสถานะสมาชิกพรรคของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเสนอให้พรรคขับนายสามารถให้พ้นสมาชิกพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค เคยระบุถึงกรณีพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป พร้อมกับมีคลิปเสียงสนทนาคล้ายเสียงนักการเมืองคนหนึ่งในพรรค เรียกรับผลประโยชน์จากผู้บริหารดิ ไอคอนกรุ๊ป และทางพรรคได้ให้นายสามารถ พ้นจากตำแหน่งรองโฆษกพรรคทันทีเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า เมื่อปี 2564 นายสามารถในฐานะนักศึกษาปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำเเหง ได้ถูกสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยรามคำเเหง แจ้งว่า สถาบันฯ ได้ตรวจสอบพบว่ามีผู้มาเรียนและเข้าสอบแทนนายสามารถ ตั้งแต่วันที่ 6-7 มี.ค.64 จึงได้ตัดสิทธิ์ในการเรียนวิชาดังกล่าว หลังถูกพบว่ามีนายตำรวจยศ “พันตำรวจโท” ไปเรียนและเข้าสอบแทน ซึ่งมีการทวงถาม เหตุใดถึงยุติเรื่องนี้ ทั้งที่ความผิดชัดเจนนั้น
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า แกนนำพรรคมีการหารือว่า ต้องสอบถามมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกครั้งว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เพราะในตอนนั้นพรรคสั่งปลดนายสามารถพ้นจากกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม, ผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล, คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และห้ามไม่ให้นายสามารถใช้เครื่องหมายของพรรคพลังประชารัฐ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพรรค
โดยคาดว่าเร็วๆ นี้ จะมีความชัดเจนเรื่องนี้เพื่อตอบสังคม และแสดงให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้นิ่งเฉย ไม่ได้ปกป้องสมาชิกพรรคที่กระทำผิด ทั้งนี้ยังพบว่านายตำรวจที่ตกเป็นกรณี เคยได้รับแต่งตั้งเป็นคณะทำงานผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ของนายสามารถอีกด้วย
ล่าสุดผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงกำลังเตรียมพิจารณาเรื่องนี้ใหม่ เพราะมีการประสานจากแกนนำพรรค สอบถามถึงเหตุผลว่า ทำไมขณะนั้นมหาวิทยาลัยจึงยุติเรื่องนี้ ทั้งที่ผลการสอบสวนภายในและผลการสอบสวนของพรรคพลังประชารัฐออกมาตรงกันว่า มีพฤติกรรมตามที่ถูกตรวจสอบจริง
นอกจากนี้ มีรายงานว่านายตำรวจยศ พ.ต.ท. คนดังกล่าวได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.อ. ตำแหน่ง ผกก.สน.แห่งหนึ่งในสังกัด บช.น. และเมื่อไม่นานมานี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนกรณีการเข้าเรียนและสอบแทนนายสามารถให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการกับนายตำรวจคนนี้ต่อไป