Home Thailand ถึงมือ ‘กรมที่ดิน’ แล้ว! คำสั่งเพิกถอน ‘ที่ดินอัลไพน์’ คืนธรณีสงฆ์

ถึงมือ ‘กรมที่ดิน’ แล้ว! คำสั่งเพิกถอน ‘ที่ดินอัลไพน์’ คืนธรณีสงฆ์

by writer

“อธิบดีกรมที่ดิน” แย้มคำสั่งยกเลิกกรรมสิทธิ์ “ที่ดินอัลไพน์” ​คืนธรณีสงฆ์! ถึงมือแล้ว​ แจงขั้นตอนผู้เสียหายเพิกถอนคำสั่งปกครอง-เรียกร้องค่าชดเชย ขึ้นอยู่กับศาลฯ ชี้แนวทาง ออก พ.ร.บ.โอนที่ดิน แทนชดใช้เงิน ตามข้อแนะนำเลขาฯ กฤษฎีกา ชี้เคยมีทำมาแล้ว 2 เคส แต่สุดท้ายยกเลิก

นายพรพจน์​ เพ็ญ​พาส​ อธิบดี​กรมที่ดิน​ เปิดเผยว่า หนังสือการเพิกถอนกรรมสิทธิที่ดินของบริษัท อัลไพน์ฯ ให้กลับไ​ปเป็นที่ธรณีสงฆ์​ หลังจากที่นายชำนาญ​วิทย์​ เต​รัตน์​ รอง​ปลัด​กระทรวง​มหาดไทย​ มีหนังสือถึงกรมที่ดินแล้วเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา​ ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นอำนาจของกรมที่ดินที่จะดำเนินการต่อ

ส่วนแนวโน้มจะออกเป็น พ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์ ​ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการ​กฤษฎีกาแนะนำ​ เพื่อชดเชยผู้เสียหาย แทนการจ่ายเงินเยียวยาจะทำได้หรือไม่นั้น อธิบดีกรมที่ดิน อธิบายว่า​ เคยทำมาแล้วก่อนหน้านี้ในสมัย​ 2 รัฐบาลที่ผ่านมา​ โดยเป็นข้อสังเกตของคณะกรรมการ​กฤษฎีกา​ ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี 2505 สามารถออกได้ตามมาตรา​ 34 (การโอนที่วัด​ ที่ธรณีสงฆ์​ หรือศาสนสมบัติกลาง กระทำได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ)​ ซึ่งขณะนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการแล้ว แต่สุดท้ายถูกยกเลิกเรื่องนี้จึงหยุดไป

ขณะเดียวกัน การชดเชยระหว่างบริษัท อัลไพน์ฯ​ และประชาชนที่ถือครองที่ดินจะออกมาในทิศทางใด​นั้น นายพรพจน์​ ยืนยันว่า จะต้องเป็นไปตามวิธีการทางกฎหมาย โดยต้องยื่นคำสั่งของศาลปกครอง ว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความเดือดร้อนอย่างไร ซึ่งก็ต้องมีการโต้แย้งคำสั่งทางปกครองในการยกเลิก เพิกถอนที่ดินอัลไพน์ในการทำนิติกรรมสัญญา

ส่วนที่มีข้อสังเกตของทางฝ่ายกฎหมายกระทรวงมหาดไทย ให้ความเห็นไว้ว่า​ คำวินิจฉัยของนายยงยุทธ วิชัยดิฐ รองปลัดกระทรวง ในฐานะผู้รักษาราชการแทนปลัดมหาดไทย​ขณะนั้น เมื่อวันที่ 13 มีนาคม​ 2545 ให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ให้เพิกถอนที่ดินจากเอกชนให้เป็นของวัด เป็นการวินิจฉัยขัดแย้งกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำให้คำสั่งทางปกครองที่เป็นโมฆะ ไม่ก่อให้เกิดผลในทางกฎหมาย​ จะนำความเห็นดังกล่าวยกขึ้นสู้กับบริษัทอัลไพน์หรือไม่หากมีการฟ้องกรมที่ดิน

นายพรพจน์ กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องทำตามกระบวนการ ก่อนอธิบายว่า​ โดยในช่วงแรกก่อนปี 2544 ที่จะมีคำสั่งยกเลิก เพิกถอน เสนอมาทางยังกระทรวง ซึ่งการทำนิติกรรมนั้นถูกต้อง แต่หลังจากนั้น​มีคำวินิจฉัยมาจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช​.) เมื่อเห็นว่านิติกรรมนั้นไม่ชอบ จึงจำเป็นต้องยกเลิกเพิกถอน​ โดยคำสั่งในปี 2544 ออกมา และหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล เพราะคำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ซึ่งต้องมีการโต้แย้งกันดูที่เหตุและผล​ ข้อเท็จจริง​ และข้อกฎหมายมาพิสูจน์กัน

นายพรพจน์​ ยังระบุอีกว่า หลังจากนี้จะต้องดำเนินการฟ้องศาลปกครอง​ เนื่องจากเป็นการยกเลิกคำสั่งทางปกครอง​ แต่ยังไม่ระบุว่าจะเป็นเมื่อใด

Related Articles

Leave a Comment