“นายกฯ แพทองธาร” นำทีมไทยแลนด์เยือนจีนอย่างเป็นทางการ 5-8 ก.พ.นี้ จับเข่าคุยประธานธิบดี “สี จิ้นผิง” ย้ำคุยทุกมิติ ส่งเสริมหุ้นส่วนด้านการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะในสาขาแห่งอนาคตที่สำคัญต่อการ “เปลี่ยนผ่านสีเขียว” และ “ดิจิทัล”
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 5-8 ก.พ. 2568 นี้ และมีข้อสั่งการว่า จะมีการผลักดัน และติดตามความร่วมมือสำคัญ ได้แก่ เรื่องแรก ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ให้เร่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนด้านการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะในสาขาแห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล เช่น EV, Semiconductor, Data Centre และขอให้คณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับมาตรการกำกับดูแล มาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร รวมถึงขอให้เดินหน้าพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ (LandBridge) พร้อมเปิดรับการลงทุนจากประเทศจีน นอกจากนี้ ครม.ได้มีการอนุมัติโครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 2 เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางจากจังหวัดนครราชสีมา-หนองคาย ขอให้ติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรียังระบุในเรื่องที่สอง ด้านความปลอดภัย และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาตินั้น ขอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว และยกระดับมาตรการต่างๆ โดยไม่ยอมให้ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติใช้ไทยเป็นทางผ่าน โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เรื่องที่สาม ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ให้เร่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความพร้อมต่ออนาคต และให้สนับสนุนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม Soft Power และรวมถึงการเตรียมความพร้อมในการรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่จากจีน ในฐานะทูตสันถวไมตรีในปีนี้
การเดินทางครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบปะหารือกับผู้นำจีน ทั้งประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ,นายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี “หลี่ เฉียง” เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทั้งการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะปี 2568 เป็นปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต นายกรัฐมนตรีจะเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงต่างๆ ระหว่างไทย-จีน
โดยนายกฯ ยังมีโปรแกรมเดินทางไปเมืองฮาร์บิน ในมณฑลเฮย์หลงเจียง โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะเป็นประธานเลี้ยงต้อนรับผู้นำของแต่ละประเทศ และเชิญ น.ส.แพทองธาร ร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 อย่างเป็นทางการด้วย
นอกจากพบปะกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ชาติ ที่มีอายุครึ่งศตวรรษแล้ว ยังเป็นโอกาสในการหารือเพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแก้ปัญหาทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-พม่า ที่มีชาวจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง รอการปรับแก้ในระดับรัฐบาล เช่นเดียวกับเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ภายหลังสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงผู้นำ และประกาศใช้นโยบายทางการค้าที่เน้นผลประโยชน์ของสหรัฐมากขึ้น ทำให้ทุกประเทศในประชาคมโลก ต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง และการเดินทางของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวในสถานการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้น
