“รองนายกฯ ความมั่นคง” แจง “หลิว จงอี้” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประสานผ่านรัฐบาลไทย ย้ำเป็นข้อตกลงร่วม 3 ประเทศ แบ่งหน้าที่กันทำ เผยเหยื่อล็อตหลังส่งให้ “เมียนมา” จัดการเอง ไทยพร้อมสนับสนุนหากร้องขอ ยันหมายจับ “หม่อง ชิตตู่” ดีเอสไอยังไปต่อ แม้กระเหรี่ยง BGF ช่วยทลายฐานโจรฝั่งเมียวดี
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา จะต้องส่งผ่านกลับประเทศไทย หรือให้แต่ละประเทศไปรับที่เมียนมา โดยระบุว่า ล็อตที่จะกลับมาล่าสุดต้องผ่านประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและคัดกรอง เสร็จแล้วทางจีนจะรับตัวส่วนหนึ่งออกไป แต่ส่วนใหญ่ที่เราตกลงกัน ทั้งจีน เมียนมา และไทย
โดยทางเมียนมาได้ทำหนังสือมายังฝ่ายทหาร และกระทรวงต่างประเทศของไทย หลังจากนี้จะนำตัวทุกคนเข้าสู่กระบวนการของเมียนมา ในการจัดการทั้งหมด ซึ่งไทยจะเป็นเพียงผู้สนับสนุน ถ้าอะไรที่คิดว่าจะผ่านประเทศไทย ก็ให้มีการประสาน เราก็พร้อมสนับสนุน ตอนนี้เรารับผิดชอบในการปราบตัวการแก๊งคอลเซนเตอร์
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากทางจีนส่งเครื่องบินไปรับคนของเขากลับประเทศ ฝ่ายไทยอาจไม่สามารถหาตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า “จับได้ เราร่วมกันทั้งหมด ประสานกัน อยู่ในส่วนไหนก็ให้ส่วนนั้นจัดการ ถือเป็นงานที่เราตกลงหน้าที่กันเรียบร้อย“
เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์ ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรับตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขั้นตอนการคัดกรอง และใครคือเหยื่อหรือสมัครใจ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ใครเป็นเหยื่อ หรือใครสมัครใจไปเอง เป็นกระบวนการทำงาน คงพูดไม่ได้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของไทยข้ามไปคัดกรอง มีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และอีกหลายกระทรวง เข้าไปร่วมด้วย หลังจากข้ามมาฝั่งไทยแล้ว ทางจีนก็เตรียมเครื่องบินมารับที่แม่สอด ค่าใช้จ่ายจึงไม่เกี่ยวกับไทย
ส่วนกระแสวิจารณ์การลงพื้นที่ของนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณของจีน เหมือนมาจัดการเรื่องนี้โดยไม่ผ่านรัฐบาลไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เขาไม่ได้จัดการเอง เพราะได้ตกลงกันตั้งแต่ที่เขามาเยี่ยมตนแล้ว โดยหลังจากที่เขาได้พบกับ รมว.มหาดไทย เมียนมา และได้พูดคุยผ่านโทรศัพท์กับตนแล้ว ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ตนจะพบกับนายหลิว จงอี้ อีกครั้ง เพื่อสรุปการทำงานและหารือกันต่อ ซี่งเรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เราทำงานร่วมกันมา 2 เดือนแล้ว ระหว่างไทย เมียนมา และจีน
“วันนี้เรารับผิดชอบเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เราดำเนินการขั้นตอนแรกคือ การกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงใช้มาตรการ 3 ตัด (ตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดเน็ต) ซึ่งการดำเนินการค่อนข้างได้ผล เพราะได้คุยกันแล้วว่าชายแดนทั้งสามที่ จะปิดทั้งหมด แต่ไม่ได้ปิดตาย หลังจากนี้เมื่อมาตรการได้ผลแล้ว ต้องดูว่าสามารถจัดการได้เต็มที่หรือไม่ ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่รัฐบาลเมียนมา หรือชนกลุ่มน้อย ที่เข้ามาจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ให้เขาดำเนินการไปเลย และนายหลิว จงอี้ ก็ได้ข้ามไปฝั่งเมียนมาแล้ว เป็นกระบวนการที่เปิดเผย ทุกฝ่ายรับรู้ การส่งตัวก็จะผ่านสถานทูตที่อยู่ในเมียนมา ส่วนอะไรที่ทะลักมาทางไทย ก็จะมีการประสานงานกัน หากเป็นไปได้เราก็จะมีการช่วยเหลือ”
ต่อข้อถามว่า การออกหมายจับ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF “หม่อง ชิตตู่” นั้น ยังดำเนินการต่อไปหรือไม่ หลังจากที่เขาออกมาช่วยจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การออกหมายจับหรือไม่ ยังไม่ใช่ประเด็นของเรา เรื่องหม่อง ชิตตู่ เป็นเรื่องเก่า ที่มีการประสานงานกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ดีเอสไอได้ประสานงานไป เรื่องนี้ยังดำเนินต่อไปอยู่ หม่อง ชิตตู่ก็ทำหน้าที่ของเขาโดยประสานงานกับจีน เราคงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้