Home Worldwide ‘เฉา ซิงเฉิง’ ตัณหากลับ แอบมีเมียน้อยอายุรุ่นลูก ลวงโลกปั๊มนักรบ 3.3 ล้านคนสู้จีน

‘เฉา ซิงเฉิง’ ตัณหากลับ แอบมีเมียน้อยอายุรุ่นลูก ลวงโลกปั๊มนักรบ 3.3 ล้านคนสู้จีน

by admin

สื่อแดนมังกรแฉ “เฉา ซิงเฉิง” “อดีตประธานและผู้ก่อตั้ง UMC” บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวัน วัย 77 ปี ตัณหากลับนอกใจภรรยา แอบมีเมียน้อยอายุรุ่นลูกสาว พร้อมเปิดภาพสัมพันธ์ดูดดื่ม คาใจจุดยืนทางการเมืองเปลี่ยน จากแกนนำเรียกร้องรวมชาติจีน สู่หัวหอก “ต่อต้านจีน รักษาไต้หวัน” ทั้งประกาศบริจาคเงิน 1 พันล้านเหรียญไต้หวัน จัดตั้งนักรบต้านจีน 3.3 ล้านคน พร้อมขับไล่สมาชิกสภานิติบัญญัติ “พรรคก๊กมินตั๋ง” ที่สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ ด้านผู้เฒ่า “เฉา ซิงเฉิง” แถยุคเอไอใครก็สร้างภาพปลอมได้ง่ายๆ

นายเซี่ย หานปิง (Xie Hanbing) นักข่าวอาวุโส สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยในรายการถ่ายทอดสด เกี่ยวกับพฤติกรรมของ นายเฉา ซิงเฉิง (Cao Xingcheng) อดีตประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ UMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของไต้หวัน มีพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมเผยแพร่ภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์แนบแน่นอย่างดูดดื่มระหว่าง นายเฉา ซิงเฉิง กับภรรยาน้อยชาวจีนของเขา และมีการเปิดเผยภาพถ่ายส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมทางศีลธรรมมากมาย ซึ่งรวมไปถึงภาพการแสดงความรักอย่างดูดดื่มของทั้งคู่ในที่สาธารณะขณะเดินทางในฮ่องกง

ทั้งนี้ นายเซี่ย หานปิง ตั้งคำถามเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองที่เปลี่ยนไปของ นายเฉา ซิงเฉิง ในวัย 77 ปี จากที่เป็นผู้เรียกร้อง “การรวมชาติกับจีน” ไปสู่การ “ต่อต้านจีน และปกป้องไต้หวัน” ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นไปโดยสมัครใจ หรือเกิดจากการถูกกดดันจากฝ่ายใดหรือไม่

นายเซี่ย หานปิง ระบุด้วยว่า นายเฉา ซิงเฉิง มีภรรยาน้อยที่ถือสัญชาติจีน ซึ่งอายุน้อยกว่าเขาเกือบ 40 ปี พร้อมทั้งเปิดเผยภาพถ่ายที่ใกล้ชิดของทั้งสอง โดยชี้ให้เห็นว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2015 โดยหญิงสาวซึ่งเป็นภรรยาน้อยชาวจีนของนายเฉา ซิงเฉิง ได้ก่อตั้งบริษัทค้าวัตถุโบราณและดำรงตำแหน่งประธานกรรมการได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งมีภาพถ่ายของหญิงสาวสวมแหวนเพชร 5 กระรัต มูลค่าเกือบ 10 ล้านเหรียญไต้หวัน  (ประมาณ 10.2 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเป็นของขวัญจากนายเฉา ซิงเฉิง

สื่ออาวุโสรายนี้ กล่าวด้วยว่า เฉา ซิงเฉิง มีรอยสักคำว่า ‘忠’ (จง) บนนิ้วนาง และภรรยาน้อยก็มีรอยสักคำว่า ‘诚’ (เฉิง) ซึ่งสอดคล้องกัน อ่านรวมกันว่า “忠诚”  ซึ่งแปลว่า ทั้ง 2 คนมีความซื่อสัตย์ ความจริงใจต่อกันอย่างลึกซึ้ง ถึงขั้นต้องสักฝังไว้ที่นิ้วนาง ตำแหน่งการสวมแหวนแต่งงาน เพื่อแสดงถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ของคู่บ่าวสาว

ทั้งนี้ ในปี 2020 นายเฉา ซิงเฉิง ผู้ก่อตั้งบริษัท UMC หย่าร้างกับภรรยาคนแรกที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมา 30 ปี พร้อมอธิบายเหตุผลว่า เพื่อให้พื้นที่กับตัวเองมากขึ้น โดยอ้างว่า ภรรยาเก่าของเขายังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันและปฏิบัติต่อกันเหมือนพี่น้อง

ด้าน นายเฉา ซิงเฉิง ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหานี้ว่า มีคนเผยแพร่ภาพอนาจารโดยมีเจตนาทำลายชื่อเสียงของตน พร้อมชี้ว่า ในยุคที่ AI พัฒนาไปมาก ภาพถ่ายสามารถถูกปลอมแปลงขึ้นมาได้ทุกเมื่อ พร้อมกับกล่าวหาบุคคลที่เผยแพร่ข้อมูล“ใช้วิธีการที่ต่ำทรามและไร้ศีลธรรม” เพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองซึ่งเป็นตัวอย่างทั่วไปของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

นายเฉา ซิงเฉิง ในฐานะผู้นำในการถอดถอน นายซู่ เฉียวซิน (Xu Qiaoxin) สมาชิกสภานิติบัญญัติพรรคก๊กมินตั๋ง เน้นย้ำว่า การถอดถอนครั้งใหญ่ของไต้หวันนี้ จะต้องประสบความสำเร็จ มีเพียงการขับไล่สมาชิกสภานิติบัญญัติก๊กมินตั๋ง (พรรคชาตินิยมจีน) ที่ให้การสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีนและไม่มีบรรทัดฐานทางศีลธรรมจากรัฐสภาเท่านั้น ที่จะสามารถรักษาประเพณีอันดีงาม และปล่อยให้ประชาธิปไตยและเสรีภาพเติบโตต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากถ้อยแถลงดังกล่าวของ นายเฉา ซิงเฉิง ไม่ได้กล่าวถึงพันธกรณีของการเป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ และการตรวจสอบทางสังคม

นักข่าวอาวุโสรายนี้ กล่าวต่อว่า แม้ชีวิตส่วนตัวบางครั้งอาจไม่สำคัญขนาดนั้น แต่กลับทำตัวเเป็นคนมีศีลธรรมสูงส่ง แล้วก็ใช้วาทกรรม ต่อต้านจีน รักษาไต้หวัน หรือเอาเรื่องต่างๆ มาห่อหุ้มตนเอง ทำให้ดูเหมือนว่าตนเองแตะต้องไม่ได้ ทั้งที่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยเรื่องเหลวแหลก  

สำหรับคนบางคนที่มีชื่อเสียง พฤติกรรมของพวกเขาก็ควรถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน เช่นกรณีของ นายเฉา ซิงเฉิง นักธุรกิจชั้นนำของไต้หวัน ที่เป็นผู้นำของแนวคิด ต่อต้านจีน รักษาไต้หวันทุกคนรู้ว่านายเฉา ซิงเฉิง เป็นคนรวย เป็นผู้ก่อตั้ง UMC และจุดยืนทางการเมืองของเขาก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด ก่อนหน้านี้ก็สนับสนุนให้มีการลงประชามติรวมชาติกับจีน จากนั้นก็ย้ายไปสิงคโปร์เพื่อขอสัญชาติสิงคโปร์ ต่อมาก็สละสัญชาติสิงคโปร์ แล้วกลับมาเป็นพลเมืองของไต้หวันอีกครั้ง

สำหรับนายเฉา ซิงเฉิง ในวัย 77 ปี เจ้าของบริษัท United Microelectronics Corporation (UMC) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Lianhua Electronics แม้เขาจะเกษียณแล้ว แต่ยังคงมีอิทธิพลและทรัพย์สินมากมาย

แม้ในอดีตเจ้าของ UMC จะมีความร่วมมือกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเขาเคยเปิดโรงงานผลิตเวเฟอร์ในซัวเถา แต่จากการที่ความร่วมมือไม่เป็นไปตามคาด จึงเริ่มหันมาวิพากษ์วิจารณ์จีนอย่างชัดเจน นอกจากนี้เขายังย้ายไปอยู่สิงคโปร์และเปลี่ยนสัญชาติเป็นสิงคโปร์

ในปีนี้เขากลับมาไต้หวันอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งวิจารณ์จีนอย่างรุนแรง หลังจากที่นางเพโลซีเยือนไต้หวันและจีนได้เริ่มการปิดล้อมไต้หวัน เขาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนหลายครั้ง

รายงานระบุว่า ในวันที่ 1 กันยายน 2024 เฉา ซิงเฉิง นักธุรกิจใหญ่จากไต้หวัน ประกาศว่าเขาจะบริจาคเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพื่อฝึกอบรม 3.3 ล้านคน ให้เป็น “นักรบต่อต้านจีนและรักษาไต้หวัน”

โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้ เฉา ซิงเฉิง จะประกาศแผนการดังกล่าว แต่คำถามคือเงินจำนวนนี้จะสามารถฝึกคน 3.3 ล้านคนได้หรือไม่? หลายคนมองว่าแผนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะแม้ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่เขาก็คงไม่สามารถสร้างกองทัพได้

ถึงแม้ว่า นายเฉา ซิงเฉิง จะยกเลิกสัญชาติสิงคโปร์ แล้วกลับมาเป็นชาวไต้หวัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะยืนเคียงข้างไต้หวัน แต่การฝึกนักรบ 3.3 ล้านคน คงไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้จริง

จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้ จึงมีคำถามมากมายว่า เหตุใด นายเฉา ซิงเฉิง ถึงเปลี่ยนจากผู้สนับสนุนการรวมประเทศ และเชื่อว่าไต้หวันควรจะรวมเป็นส่วนหนึ่งของจีน กลายมาเป็นหัวหอกที่คอยวิจารณ์จีนและกลุ่มรัฐบาล DPP (พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า) รวมถึงกลุ่มสนับสนุน “อิสรภาพของไต้หวัน” อย่างเปิดเผย!!!

สำหรับข่าวอื้อฉาวของนายเฉา ซิงเฉิง ได้รับความสนใจจากสื่อในจีน และมีการนำรายงานของนักข่าวอาวุโสรายนี้ไปเผยแพร่อย่างกว้างขวาง เช่น ftvnews , chainatimes และ ctinews เป็นต้น

Related Articles

Leave a Comment