Home Feature ‘ทวี’ ฮึ่ม! ลากไส้ ‘ผู้มีอิทธิพล’ เอี่ยวนอมินี ‘ทุนจีน’ แจ้ง ตม.สกัดหนีออกนอกประเทศ

‘ทวี’ ฮึ่ม! ลากไส้ ‘ผู้มีอิทธิพล’ เอี่ยวนอมินี ‘ทุนจีน’ แจ้ง ตม.สกัดหนีออกนอกประเทศ

by admin

“รมว.ยุติธรรม” ลั่นไม่ปล่อยไว้แน่ สาวไปถึง “ผู้มีอิทธิพล” เอี่ยวนอมินี “ไชน่าเรลเวย์” หลังรับตึก สตง.ถล่มเป็นคดีพิเศษ แจ้ง ตม.สกัดคนหนีออกนอกประเทศ โยนหน่วยอื่นสอบ “กิจการร่วมค้า” งาบโครงการก่อสร้างรัฐ 29 โครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน ยันทำคดีเร็วบนพยานหลักฐาน แต่ยังขาดการบูรณาการ ขอ “กู้ภัย” บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานในคดีด้วย

ที่รัฐสภา วันนี้ (4 เม.ย.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังการประชุมนัดแรกของคณะพนักงานสอบสวนประชุมคดีพิเศษที่ 32/2568 กรณีความผิดจากตึก สตง.แห่งใหม่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวว่า ยืนยันหากมีหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหา สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ เว้นแต่ก่อนกรณีรับเป็นคดีพิเศษ พอรู้ที่อยู่ก็มีการติดตาม และเมื่อเช้าได้มีการแจ้งว่าจะต้องมีการประสานงานด่าน ตม.ทางเข้าออกประเทศด้วย

“หน้าที่ของพนักงานสอบสวน นอกจากแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ความบริสุทธิ์และความผิดแล้ว อีกหน้าที่สำคัญคือการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องลงโทษ ในเรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเวลาจะทำเรื่อง ดูทุกเรื่อง เพราะเรามีสำนักสืบสวนสะกดรอยอยู่”

พ.ต.อ.ทวี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับบริษัทนอมินีจีน ว่ารัฐบาลนี้โดยเฉพาะในกระทรวงยุติธรรม นอกจากจะแก้ปัญหาอาชญากรรมยาเสพติดแล้ว ยังจะดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลโดยเฉพาะกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผู้ส่งอิทธิพลต้องทำอยู่แล้ว ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าพยานหลักฐานไปถึงก็ดำเนินการได้ ซึ่งเมื่อเช้ายังได้รับฟังข้อมูลของพนักงานสอบสวน ตามที่เสนอก็มีความรอบคอบ ชี้คดีนี้เป็นคดีที่มีความสูญเสียเยอะ การดำเนินคดีต้องดำเนินการโดยเร็วบนข้อมูลพยานหลักฐานที่รอบคอบ

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ขอทำคดีในส่วนของสาเหตุตึก สตง.ถล่มก่อน ส่วนในประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องหรือการตรวจสอบโครงการของรัฐที่มีสัญญากับบริษัทสัญชาติจีน ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ซึ่งได้มีการสอบถามเกี่ยวกับหลักฐานทางทะเบียนกรณีกิจการร่วมค้า ปรากฏว่ากระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าไม่ได้รับผิดชอบทะเบียน โดยรับผิดชอบเฉพาะบริษัทนิติบุคคลตามกฏหมายแพ่ง ทำให้ข้อมูลจึงไปอยู่ที่กระทรวงการคลัง แต่กระทรวงการคลังไม่ได้ทำทะเบียนไว้ จึงต้องไปไล่ตามสรรพากรต่างๆ ที่มีการเสียภาษี โดยเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องมีผู้มารับผิดชอบ อาจเพิ่มภาระงานให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาร่วมดูด้วย

“อย่างน้อยเป็น 2 บริษัท หรือ 3 บริษัทเข้ามา ซึ่งบริษัทต่างด้าวกระทรวงพาณิชย์ก็ดูอยู่แล้ว ประการสำคัญเมื่ออ่านสัญญาบางครั้งอาจมีช่องว่าง ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมายดีเยอะ แต่เวลาใช้เหมือนเป็นส่วนๆ ขาดการบูรณาการเท่าที่ควร เหมือนอาณานิคมของกฎหมายหน่วยใดหน่วยหนึ่ง จึงบอกดีเอสไอต้องประสานงาน แม้แต่เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องเข้าสู่เนื้องาน เช่น พยานหลักฐานควรต้องเก็บอย่างไร ควบคู่กับการช่วยเหลือชีวิตก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่หากปล่อยให้วัตถุพยานถล่มลงไป ก็จะไม่มีภาพและวัตถุพยานไปยืนยันในชั้นศาล จึงขอให้ไปประสานงาน ให้เก็บภาพและวัตถุพยานให้มากที่สุด ทำให้พนักงานสอบสวนต้องประสานกับนิติวิทยาศาสตร์ และประสานกับวิศวกร และขอความกรุณาผู้ช่วยชีวิตช่วยบันทึกภาพเก็บไว้ด้วย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่บริษัทของจีนได้โครงการสัมปทานของรัฐหลายโครงการ จะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ และกระทรวงยุติธรรมจะนำข้อมูลที่มีอยู่ไปให้ เช่นเรื่องกิจการร่วมค้า 29 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ส่วนดีเอสไอจะโฟกัสเฉพาะกรณีที่รับผิดชอบก่อน ส่วนกรณีอื่นจะต้องส่งให้ภาครัฐไปพิจารณา เพราะหากทำคดีใด ก็ต้องทำเป็นคดีๆ ไป

Related Articles