“รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย” กางคณิตศาสตร์การเมือง เคลียร์ปมเขี่ย “ภูมิใจไทย” ออก ระบุไม่มีรัฐบาลไหนเสี่ยงไปตายดาบหน้า เชื่อยังพอไปกันได้ ยึดคำนายกฯ “ยังไม่ปรับ ครม.” ทำสถานการณ์คลี่คลาย มองคว่ำ “พ.ร.บ.งบฯ” เรื่องใหญ่ ไม่น่าเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะลดแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ถ้านายกฯ พูดไปอย่างนั้นก็เป็นไปตามนั้น ส่วนที่ผ่านมาพูดกันตรงไปตรงมา สส.เป็นห่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อผู้นำพูดในทำนองนี้ ตนเข้าใจว่าจะทำให้เหตุการณ์คลี่คลายลง และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายต่างยืนยันว่ายินดีสนับสนุนนโยบายรัฐบาล
“ที่ผ่านมาแค่ผิดคิว ซึ่งก็ว่ากันไป ขณะนี้สถานการณ์มีความเข้าใจกันดีขึ้น เมื่อนายกฯ ในฐานะผู้นำและมีอำนาจปรับ ครม.พูดอย่างนี้ พรรคไหนก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อไทย อยากให้เปลี่ยนกระทรวงเกี่ยวกับการค้าขาย แต่เมื่อเป็นอย่างนี้จะทำให้คนในพรรคเพื่อไทยผิดหวังหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในที่ต้องคุยกัน ตนเข้าใจว่าเป็นเรื่องเสียงสะท้อนของสมาชิกในพรรคที่มองว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้มาตรการในการแก้ปัญหา ไม่ควรปล่อยให้เป็นอย่างนี้ แต่เมื่อนายกฯ พูดอย่างนี้แล้ว ผู้มีหน้าที่ก็ต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ จะทำอย่างไรให้ราคาสินค้าดีขึ้น
เมื่อถามว่าหากไม่มีการปรับ ครม.จะฉุดคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยลงหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังวิเคราะห์ไม่ได้หรอกว่าจะฉุดหรือไม่ฉุด แต่ท้ายที่สุดอยู่ที่ว่าเราจะต้องทำงาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เป็นรูปธรรม แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไป เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ทั้งนี้ ได้มีการวิเคราะห์กันภายในหรือไม่ว่า หากมีการปรับพรรคภูมิใจไทยออก จะทำให้รัฐบาลเกิดเสียงปริ่มน้ำ และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นขี่คอพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พูดกันตรงไปตรงมา มันมีคณิตศาสตร์การเมือง เราเห็นตัวเลขกันอยู่ ว่าถ้าเอาพรรคนั้นออกจะเหลือตัวเลขเท่าไหร่
“มันเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ทางการเมือง ความมั่นคงทางการเมือง คนที่เขาทำงานการเมืองต้องเอาเรื่องนี้มาดู มาวิเคราะห์ว่าควรจะเป็นอย่างไร แต่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยงจนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า ทางการเมืองถือว่าเสี่ยงเกินไป ฉะนั้น ถ้าทำอะไรให้เรียบร้อย พอจะไปกันได้ ก็ต้องว่ากันไป”
เมื่อถามย้ำว่า ต้องทนกันไปอย่างนี้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า อันนี้เราพูดไม่ได้หรอก แต่พูดได้ว่าขณะนี้เป็นอย่างนี้ แต่ในทางการเมืองก็ต้องดูกันต่อไป
เมื่อถามว่าจำนวน 320 เสียงของรัฐบาลเป็นจำนวนที่สามารถลดแรงต่อรองของพรรคร่วมได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ ได้พยักหน้า ก่อนย้อนสื่อว่า “คุณชี้นำเอง”
นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำประจำปีงบประมาณ 2569 ช่วงวันที่ 28-30 พ.ค. ขณะเดียวกัน จะมีการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) อีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้ว
คิดว่าจะมีการโหวตล้ม พ.ร.บ.งบประมาณฯ หรือไม่ โดยเอาเรื่องความขัดแย้งมาต่อรอง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การโหวตล้มงบประมาณเป็นเรื่องใหญ่มาก ตนว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น มันเดินไปได้ บริหารบ้านเมืองกันไป ทำนโยบายให้สำเร็จ ซึ่งท่านนายกฯ ว่าอย่างนี้
เมื่อถามว่า เบาใจไปเยอะใช่หรือไม่ที่จะไม่มีการปรับ ครม. นายชูศักดิ์หัวเราะ
ถามอีกว่า นายกฯ ระบุว่า “ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง” นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การเมืองก็แบบนี้ ต้องดูกันไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร การเมืองต้องดูเป็นช็อตเป็นช็อตไป ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีโอกาสปรับ ครม.หลังผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณฯ ใช่หรือไม่ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อันนี้ต้องดูสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ท่านบอกว่ายังไม่ปรับ ยังไม่คิดอะไร ก็เป็นไปตามนั้น อนิจจังไปก่อน