ประธานสภาฯ ชี้ทุจริตเงินสหกรณ์รัฐสภา 14 ล้าน ไม่กระทบความเชื่อมั่นสมาชิก ยังทำธุรกรรมได้เหมือนเดิม บอกโชคดีจับได้เร็ว เตรียมไล่เบี้ยคนผิด หาคนเอี่ยวมาลงโทษให้ถึงที่สุด
ที่รัฐสภา วันนี้ (23 เม.ย.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐสภา 14 ล้านบาท ว่า ได้พูดคุยกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และรองเลขาธิการแล้ว โดยที่ผ่านมาสหกรณ์ ดำเนินการด้วยความเรียบร้อยมาโดยตลอด ซึ่งกรณีการทุจริตที่เกิดขึ้น สภาฯ ต้องติดตาม โดยการบริหารจัดการทั้งหมดเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน และทราบแล้วใครกระทำความผิด เพื่อนำตัวมาลงโทษอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย แต่วงเงินที่กระทบประมาณ 14 ล้านบาท
นายวันนอร์ กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจกับสมาชิกและผู้เกี่ยวข้องได้ว่าสหกรณ์ไม่มีผลกระทบอะไรมากมาย ยังดำเนินการอย่างเข้มแข็งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิก และเมื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษต้องไล่เบี้ยไปว่า 14 ล้านบาท ใครต้องรับผิดชอบอย่างไร แต่เงินที่เหลืออยู่ในสหกรณ์ไม่มีผลกระทบอะไร ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องตรวจสอบดูแลอย่างรัดกุม
“ยืนยันไม่มีปัญหาต่อผู้ฝากเงินกับสหกรณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างไร ถือว่าโชคดีที่รู้ตัวผู้กระทำผิดก่อน แล้วคนที่ทำก็รับสารภาพว่าได้ทำจริง แต่ต้องสอบต่อไปว่ามีอีกกี่คนที่เกี่ยวข้อง ต้องไล่เบี้ยไป แต่วงเงินที่ถูกทุจริตไป 14 ล้านบาท จากยอดทั้งหมดหลาย 100 ล้านบาท สมาชิกต้องมีขวัญกำลังใจไม่สงสัยต่อกิจการสหกรณ์ ขอให้ฝาก กู้ และถอนไปตามปกติ”
นายวันนอร์ กล่าวต่อว่า สถาบันการเงินก็เป็นเช่นนี้ ตราบใดที่สมาชิกยังมีความมั่นใจ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าสมาชิกไม่มั่นใจเมื่อไหร่ ก็จะมีผล ในฐานะที่ตนเป็นประธานสภาฯ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ เพราะตนก็ไม่ได้เงินฝาก แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นในสภาฯ ประธาน รองประธาน เลขาฯ และรองเลขาฯ ต้องดูแลเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นบุคลากรของสภาฯ บางคนเกษียณไปแล้วแต่ยังมีเงินฝากอยู่
“ดังนั้นให้ความมั่นใจว่า คนที่ฝากเงิน รวมถึงทำธุรกรรมทำธุรกรรมกับสหกรณ์ก็ขอให้ทำต่อไป ไม่มีปัญหาเพราะกรรมการจะดูแลเป็นอย่างดี แม้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็น แต่ถ้าไม่ติดติดตามไม่ดูแลให้ดูแลให้ดีก็จะกระทบได้” ประธานสภาฯ ระบุ