ครบ 1 เดือน โศกนาฏกรรมตึก สตง.ถล่ม! “ดีเอสไอ” คุ้ย 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาเอกสารสร้างตึกเต้าหู้ ใช้ประกอบสำนวนฟันคดี “นอมินี-ฮั้ว” แจงไม่กังวลเอกสารอยู่ไม่ครบ เหตุได้คืนมาหมดแล้ว จ่อสอบ “40 วิศวกร” เริ่มพรุ่งนี้ ด้าน ACT ทวงถามความจริง จี้รัฐเร่งตอบสังคม ขีดเส้น 15 วันยกระดับติดตาม-ตรวจสอบ ซัดสอบอืด! 30 วันยังไร้คนรับผิดชอบ มีแต่ “กำลังสืบสวน” ชี้ปล่อยผ่านเท่ากับ “สมรู้ร่วมคิด” ทรยศความเชื่อมั่น ปชช. หลังโพลล์ระบุ “คนไทย 98%” เชื่อตึกถล่มเอี่ยวคอร์รัปชั่น ขณะที่วันนี้ผู้เสียหาย 21 รายยื่นหนังสือสภาทนายช่วยคดี-สางเงินเยียวยา เผย “สถานทูตจีน” เตรียมส่งตัวแทนเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้เหยื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 เม.ย.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย กรมโยธาธิการและผังเมือง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, ผู้แทนจากกิจการร่วมค้า PKW และผู้แทนบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ร่วมประชุมที่กองอำนวยการร่วมฯ ก่อนเข้าเปิดตู้คอนเทนเนอร์ที่ “ดีเอสไอ” อายัดไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งหมด 24 ตู้ ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นที่ตั้งสำนักงานชั่วคราว และภายในมีการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร ที่ดีเอสไอจะต้องทำการตรวจสอบเพื่อนำไปใช้ในการประกอบสำนวนคดีนอมินี และคดีฮั้วประมูล
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดี “ดีเอสไอ” ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า วันนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเข้าตรวจสอบเอกสารที่อยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ในจุดเกิดเหตุ ซึ่งได้ยึดอายัดไว้ทั้งหมด 24 ตู้ เพื่อนำเอกสารมาประกอบสำนวน
โดยวันนี้จะแบ่งเจ้าหน้าที่เป็น 4 ชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจสอบเอกสารทั้งหมด สิ่งที่อยากได้คือ เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง / Shop Drawing / เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง / เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย / รายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีอยู่ที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานที่เคยเข้าตรวจค้นแล้วก่อนหน้านี้ โดยเอกสารที่ได้มาส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารที่เป็นการติดต่อกับทางราชการเป็นหลัก
เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าเอกสารจะอยู่ไม่ครบ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกรณีที่ชาวจีนลักลอบขนออกไป ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ไม่กังวลเพราะมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเอกสารที่เคยมีการขนออกไปก็ยืนยันว่าได้กลับคืนมาครบหมดแล้ว
ขณะเดียวกันได้มีตัวแทนจาก บริษัท อิตาเลียนไทยฯ และกิจการร่วมค้า PKW เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยตามขั้นตอน ส่วนบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ไม่ได้ส่งผู้แทน เพราะบริษัท อิตาเลียนไทยฯ มาในนามกิจการร่วมค้าอยู่แล้ว ทั้งนี้ เอกสารที่ได้จะถูกนำไปใช้ทั้งหมด 2 ส่วน คือในการสืบสวนข้อเท็จจริงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และการสืบสวนข้อเท็จจริงของกรมโยธาธิการและผังเมือง จึงทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว
ส่วนการเรียกสอบปากคำวิศวกร 40 รายได้ดำเนินการเรียกไปทั้งหมดแล้ว และจะเริ่มทยอยสอบวันละ 10 ราย เริ่มวันพรุ่งนี้ (29 เม.ย.) และจะสอบปากคำไปต่อเนื่อง 4 วัน แต่ก็ต้องรอดูว่าวิศวกรจะเดินทางเข้ามาให้ปากคำตามที่เรียกไปครบหรือไม่
สำหรับในวันนี้ ถือว่าครบรอบ 1 เดือนของเหตุการณ์อาคาร สตง.ถล่ม แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานยังคงเร่งค้นหาผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง
“ผู้เสียหาย” ยื่นสภาทนาย ช่วยเงินเยียวยา “สถานทูตจีน” ส่งตัวแทนคุยพรุ่งนี้
วันเดียวกันนี้ที่กองอำนวยการร่วมฯ ถนนกำแพงเพชร ตัวแทนผู้เสียหายจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้สภาทนายความดำเนินการเข้าช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้ประสบภัยและญาติของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นผู้รับเรื่อง
นายวิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดส่งทีมทนายความเข้าไปประจำศูนย์เพื่อรับเรื่องร้องเรียน รับฟังข้อมูล และสอบข้อเท็จจริงจากผู้ประสบภัยและญาติของผู้ประสบภัยโดยตรง เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์แนวทางการดำเนินคดีอย่างรอบคอบ ทั้งในรูปแบบคดีแพ่งสามัญ หรือคดีแบบกลุ่ม แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละกรณี
นับจนถึงวันนี้ มีผู้ประสบภัยและญาติของผู้ประสบภัย เข้ามาให้ข้อมูลกับศูนย์ช่วยเหลือฯ แล้วประมาณ 21 ราย ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้เสียชีวิต กลุ่มของผู้สูญหาย และกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว
ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายโดยสภาทนายความในครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ผู้ประสบภัยทุกคนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม
เมื่อถามว่าเวลาผ่านมา 1 เดือนแล้ว ทางญาติผู้เสียหายมีได้รับการเยียวยาอย่างไรบ้าง น.ส.มาลินี วัชราสิน คณะทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวทางด้านกฎหมาย สภาทนายความ กล่าวว่า จากการที่ทางคณะทำงานของตนปฏิบัติงานมาระยะเวลา 4 สัปดาห์นั้น มีทั้งผู้ประสบภัยและญาติผู้ประสบภัย เข้ามาขอความช่วยเหลือทั้งกลุ่มที่พบร่างแล้ว และกลุ่มที่ยังไม่พบร่าง
โดยทางเราได้มีการเยียวยากลุ่มผู้เสียหายที่พบร่าง โดยบริษัทที่บุคคลเหล่านั้นทำงานอยู่เป็นเงินเยียวยา 50,000 บาท และจากรัฐบาล ส่วนกลุ่มที่พบร่างแล้วจะได้รับเงินเยียวยา 100,000 บาท ซึ่งกลุ่มญาติผู้เสียหายต่างมองว่าการที่เขาได้รับการเยียวยาในครั้งนี้ยังไม่สามารถให้ความยุติธรรมกับการสูญเสียของพวกเขาได้ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่พบร่างนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะรับเงินเยียวยาได้ นอกจากเงินจำนวน 3,000 บาทที่เป็นส่วนของค่าเดินทางมาเพื่อรอรับร่าง
นอกจากนี้ กลุ่มที่ได้รับเงินเยียวยาไปก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ทราบว่าทางสภาทนายความจะเข้ามาช่วยเหลือ ตนจึงอยากเรียนผ่านสื่อมวลชนให้เรื่องนี่ไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นเพื่อให้ติดต่อกลับมายังสภาทนายความด้วย นายวิเชียร กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ตนได้รับการติดต่อจาก ร.ต.อ สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า ในวันพรุ่งนี้ทางสถานทูตจีนจะส่งตัวแทนของบริษัทผู้รับเหมาเพื่อเข้ามาเจรจาเพื่อชดใช้ และเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตโดยไม่ผูกพันทางข้อกฎหมาย ซึ่งจะมีการจ่ายเงินเบื้องต้นให้กับทุกคน
