ศาลอาญาทุจริตฯ สั่งจำคุก 24 ปี เจ้าพ่อเนสกาแฟ “ประยุทธ มหากิจศิริ” ลูกสาวโดนด้วย 12 ปี คดีรวมหัวเจ้าหน้าที่รัฐ ออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟโคราช ทับที่ป่าสงวน-ส.ป.ก.
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบภาค 3 จังหวัดสุรินทร์ อ่านคำตัดสินคดีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตเกี่ยวกับการออกโฉนดในเขตที่ดินของรัฐ เป็นเขตป่าสงวนและเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) โดยมิชอบ โดยศาลมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก “จำเลยทุกราย” ส่วนนายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง โดนโทษจำคุก 24 ปี ขณะที่ น.ส.อุษณา มหากิจศิริ ลูกสาวนายประยุทธ โดนโทษจำคุก 12 ปี
สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. เป็นโจกท์ฟ้องคดีเอง ภายหลังส่งสำนวนไต่สวนคดีเอกสารหลักฐานให้พิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ฝ่ายอัยการเห็นว่าสำนวนมีข้อไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้
ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้แก่ เจ้าพนักงานที่ดินนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวกประมาณ 5-6 ราย อาทิ หัวหน้าฝ่ายรังวัด ช่างรังวัด เจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกลุ่มบริษัทเอกชน คือ บริษัท ไทยน็อคซ์ สเตนเลสฯ โดยมีชื่อของนายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาถูกชี้มูลด้วย
“ระบุพฤติการณ์ กลุ่มเอกชนได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสอบเขตขยายเนื้อที่ของโฉนดที่ดิน เพื่อนำมาสร้างสนามกอล์ฟ เมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ นครราชสีมา ถือเป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งจากการไต่สวนพบว่า กลุ่มเอกชนได้ไปซื้อที่ดินที่ที่มีโฉนด และซื้อที่ดินที่ไม่มีหลักฐานก่อนจะนำมาสอบเขต เพื่อนำที่ดินที่ไม่มีหลักฐานนั้นเข้าไปรวมด้วย ที่ดินที่ไม่มีหลักฐานมีทั้งอยู่ในเขต ส.ป.ก. และเขตป่าสงวนเพื่อนำไปจัดทำสนามกอล์ฟดังกล่าว ถือว่าร่วมกันการกระทำความผิด”
คดีนี้นับเป็น 1 ใน 3 คดี ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีกล่าวหาการออกโฉนดในเขตที่ดินของรัฐของนายประยุทธ มหากิจศิริ และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
โดยคดีแรก กรณีออกเอกสารสิทธิ์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่และในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ณ ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่เนื้อที่ 66 ไร่เศษ โดยมีการนำที่ดินนอกหลักฐานอันเป็นที่ของรัฐประมาณ 19 ไร่เศษ นำมาจัดทำเป็นเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบเรื่องนี้มีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเอกชน
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาตัดสินคดีกล่าวหา อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ กับพวกรวม 11 ราย ซึ่งนายประยุทธปรากฏชื่อเป็นจำเลยที่ 6 ในฐานะผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด ถูกลงโทษจำคุก 4 ปี แต่ลดโทษให้เหลือ 2 ปี 8 เดือน พร้อมสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งฉบับ ซึ่งเป็นคดีที่สำนักงาน ป.ป.ช. ยื่นฟ้องเองเช่นเดียวกัน
อีกคดี เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2567 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายกฤษณะพงศ์ พู่สกุลสถาพร อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว กับพวก ในคดีกล่าวหาแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในการรังวัดสอบเขตที่ดิน ตามหลักฐานโฉนดที่ดินเลขที่ 2186 และ 2192 ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยทำการรังวัดนำที่ดินนอกหลักฐาน ซึ่งเป็นที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้ามาร่วมในโฉนดที่ดินที่ขอทำการรังวัดสอบเขตโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยคดีนี้ มีผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 8 ราย
นอกจาก นายกฤษณะพงศ์ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาหลักแล้ว ยังมีชื่อนายประยุทธ ในฐานะกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยน็อคซ์ สเตนเลสจำกัด (มหาชน) และ น.ส.อุษณา บุตรสาว รวมด้วยอยู่ โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ เห็นว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54 ประกอบมาตา 72 ตรี ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ด้วย ส่วนนางสาวอุษณา ถูกชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 ขณะที่ นายประยุทธยืนยันต่อสาธารณชนว่า ไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ไม่เคยใช้ หรือสนับสนุนผู้ใด เจ้าหน้าที่รัฐคนใด ให้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา การดำเนินการรังวัดที่ดินทุกแปลงที่ซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ดำเนินการไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐตามอำนาจหน้าที่ เป็นดุลยพินิจและการดำเนินการโดยอิสระของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของตน โดยยึดถือและปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ