“จิราพร” ส่งทีม สคบ.ร่วมกับตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจเข้มหอพักย่านรังสิต หลังผู้เช่าร้องถูกเอาเปรียบ สัญญาเช่าไม่เป็นธรรม-เจ้าของมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม ล่าสุดพบผู้เสียหายแล้ว 17 ราย เรียกชี้แจง 8 พ.ค.นี้ หากเบี้ยวนัด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน พร้อมประสานเทศบาลบี้สอบ “กม.ควบคุมอาคาร” ชงสรรพากรตรวจปมส่งภาษีเงินได้
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภค กรณีผู้ประกอบการหอพักย่านรังสิตเอาเปรียบ โดยมีการทำสัญญาเช่าที่ไม่เป็นธรรม และมีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ข่มขู่คุกคาม สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้บริโภค จึงได้สั่งการให้ สคบ.เร่งตรวจสอบและติดตามโดยด่วน
โดยเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ สคบ. ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหา และในวันที่ 25 เม.ย. ได้มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายทั้งหมด จำนวน 17 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้เสียหาย จำนวน 3 ราย ได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์กับ สคบ.แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับผู้เสียหายจำนวน 14 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูธรปากคลองรังสิต รับเรื่องไปเพื่อสอบปากคำ และจะรวบรวพยานหลักฐานดำเนินการต่อไป
ต่อมา วันที่ 1 พ.ค.68 สคบ.ได้ประสานไปยัง สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อนำเรื่องร้องทุกข์ของผู้ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 14 ราย กรณีการเช่าห้องพักอาศัย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านเมืองเอก ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ไปดำเนินการตามกฎหมาย และออกหนังสือเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจงในวันที่ 8 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบธุรกิจได้รับหนังสือแล้วไม่มาพบ ก็จะเป็นความผิดฐานไม่มาให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษ ตามมาตรา 45 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522
โดยล่าสุด วานนี้ (2 พ.ค.) สคบ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจ แต่กลับไม่พบบุคคลใดแสดงตนเป็นเจ้าของหอพัก จึงได้เดินทางไป สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน
น.ส.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สคบ.จะติดตามและดำเนินการช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม หากพบว่าผู้ประกอบการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เทศบาลตำบลหลักหก เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อาคารว่าดำเนินการถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 หรือไม่ รวมถึงประสานกรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อตรวจสอบว่าผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะการประกอบธุรกิจหอพักตาม พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ.2558 หรือไม่ และกรมสรรพากรเพื่อทำการตรวจสอบเกี่ยวกับรายได้ และการเสียภาษีว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทุกด้าน