“อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์” วิเคราะห์เปรียบเทียบข้อตกลงการค้าล่าสุดสหรัฐฯ กับอังกฤษและสหรัฐฯ กับจีน เป็นแนวทางการเจรจาไทยกับสหรัฐฯ
นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ. อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้วิเคราะห์เปรียบเทียบข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับอังกฤษ รวมถึงสหรัฐฯ กับจีน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
1.ความเหมือนของข้อตกลงสหรัฐฯ กับอังกฤษ และสหรัฐฯ กับจีน
1.1 เป้าหมายหลัก
ทั้งสองข้อตกลงมุ่ง ลดความตึงเครียดทางการค้าและแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
1.2 กรอบเวลา 90 วัน
- ทั้งสองฝ่ายใช้กรอบเวลา 90 วันเป็นระยะชั่วคราวเพื่อประเมินผลและปรับนโยบาย โดยสหรัฐฯ-อังกฤษ: ข้อตกลงมีผลถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ขณะที่สหรัฐฯ-จีน: ระงับภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน เริ่ม 14 พ.ค.2568
1.3 การลดภาษีศุลกากร
สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าเป้าหมาย เช่น รถยนต์ เหล็ก (อังกฤษ) และสินค้าอุตสาหกรรม (จีน) มีการกำหนดโควตาสินค้าเพื่อควบคุมปริมาณการนำเข้า (เช่น รถยนต์อังกฤษ 1 แสนคัน)
1.4 การเปิดตลาดสินค้าเกษตร
ทั้งสองข้อตกลงเน้นการขยายตลาดสินค้าเกษตร เช่น เนื้อวัวสหรัฐฯ ไปอังกฤษ และสินค้าเกษตรจีนไปสหรัฐฯ
1.5 การจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือร่วม
- สหรัฐฯกับอังกฤษตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วม (Working Groups) เป็นรูปแบบทีมเจรจาเฉพาะด้าน เช่น ด้านเกษตรกรรม: เพิ่มการเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ในอังกฤษ, ด้านเภสัชกรรม: ลดภาษีและอำนวยความสะดวกการส่งออกยาจากอังกฤษ หลังสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการสอบสวนมาตรา 232 และด้านพลังงานสะอาด: ร่วมมือด้านเทคโนโลยีพลังงานทดแทน
- สหรัฐฯ และจีน ตกลงจัดตั้งกลไกการหารือทางเศรษฐกิจและการค้าโดยมีตัวแทนหลักคือ ฝ่ายจีน: เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี และฝ่ายสหรัฐฯ : สก็อตต์ เบสเซนต์ (รัฐมนตรีคลัง) และจามีสัน กรีร์ (ผู้แทนการค้า)
กลไกนี้จะจัดการเจรจาต่อเนื่องทั้งในจีน สหรัฐฯ หรือประเทศที่ตกลงร่วมกัน
2. ความต่างของข้อตกลง
2.1 ข้อตกลงสหรัฐฯ-อังกฤษ
– ลักษณะข้อตกลง
- เป็นข้อตกลงทวิภาคีเฉพาะด้าน(รถยนต์ เหล็ก เกษตร) ยังไม่ครอบคลุมบริการหรือดิจิทัล
- อังกฤษยอมรับ ภาษีดิจิทัล 2% ของสหรัฐฯ โดยไม่เปลี่ยนแปลง
– เงื่อนไขภาษี
- ลดภาษีรถยนต์อังกฤษจาก 25% เหลือ 10% (เฉพาะ 1 แสนคันแรก)
- ยกเลิกภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมอังกฤษเป็น 0%
– ผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์
- เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ และเป็นต้นแบบสำหรับการเจรจากับประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์
- อังกฤษจะสั่งซื้อเครื่องบิน Boeing มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์
2.2 ข้อตกลงสหรัฐฯ-จีน
– ลักษณะข้อตกลง
ครอบคลุมประเด็นซับซ้อน เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา การอุดหนุนอุตสาหกรรม การควบคุมสารเฟนทานิล
จัดตั้ง กลไกการปรึกษาหารือถาวรโดยมีตัวแทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่าย
– เงื่อนไขภาษี
- สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าจีนจาก 145% เหลือ 30%
- จีนลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10%
– ประเด็นความมั่นคง
- สหรัฐฯ กดดันจีนควบคุม การผลิตสารเฟนทานิลที่รั่วไหลไปยังตลาดมืดอเมริกา
- จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิก การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี
3.ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
- สหรัฐฯ กับอังกฤษ เน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์แบบดั้งเดิมและลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีน
- สหรัฐฯ กับจีน มุ่งแก้ไขปัญหาการค้าเชิงโครงสร้างและลดอิทธิพลของจีนในตลาดโลก
4.ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
- ข้อตกลงสหรัฐฯ-อังกฤษ ส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่ง โดยเฉพาะหุ้น Boeing และ Rolls-Royce
- ข้อตกลงสหรัฐฯ-จีน ช่วยคลี่คลายความกังวลเรื่อง ภาวะเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
สรุป
ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯกับอังกฤษและจีน แม้ยังมีประเด็นท้าทายที่ต้องแก้ไขในระยะต่อไป เช่น การอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมและความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี
ทั้งสองข้อตกลงสะท้อน ยุทธศาสตร์ “America First” ของทรัมป์ ที่มุ่งใช้การเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาการค้า แต่ความสำเร็จในระยะยาวยังขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นและความร่วมมือของคู่เจรจา
หวังว่าบทวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบนี้จะเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้