Home Thailand ‘หนู’ นิ่ง! สยบปมร้อนโยง ภท.เอี่ยวฮั้ว สว. ’ณฐพร’ ชงยุบพรรค-ปูด 2 ส.คุมองค์กรอิสระ

‘หนู’ นิ่ง! สยบปมร้อนโยง ภท.เอี่ยวฮั้ว สว. ’ณฐพร’ ชงยุบพรรค-ปูด 2 ส.คุมองค์กรอิสระ

by admin

“อนุทิน” นิ่งสยบปมร้อนโยง “ภูมิใจไทย” เอี่ยว “ฮั้ว สว.” ยันไม่เป็นความจริง มั่นใจไม่มีคลิปเสียงหลุด ชี้สั่งห้ามสมาชิกพรรคยุ่งเกี่ยวเลือกสภาสูง บอกให้ไปพิสูจน์ในชั้นศาล เมินตอบโต้ถูกการเมืองโจมตี “ณฐพร” มือชงยุบพรรคส้ม หอบหลักฐานใส่มือ กกต.บี้ซ้ำยุบ “พรรคสีน้ำเงิน” หลังเคยยื่นอัยการสูงสุดไปแล้ว อัดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ไม่หวั่น “เสี่ยหนู” ขู่ฟ้อง! ซัดควรรู้หน้าที่ ประชาชนวิจารณ์ได้ จ่อเปิดตัว “2 ส.” นายพล-นักธุรกิจ อยู่เบื้องหลังการเมือง คุมองค์กรอิสระ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเตรียมรับมือสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ว่า วิธีรับมือคือการเพิกเฉย เพราะไม่มีใครในพรรคภูมิใจไทย ทำผิดกฎหมายอย่างที่เป็นข่าว พวกเราเป็น สส. ไม่ใช่ สว. เมื่อเราเป็น สส.ต้องทำหน้าที่ดูแลราษฎร แค่ตรงนี้ก็ไม่มีเวลาไปยุ่งกับเรื่องอื่นแล้ว

เมื่อถามว่าเกมการเมืองที่เข้ามา ทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวย้อนว่า เสียหายอย่างไร ก่อนหันไปถาม สส.ของพรรคว่าเสียหายตรงไหน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าอาจจะทำให้ถูกโจมตี นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องไม่โต้ตอบ เพราะหากโต้ตอบก็ไม่จบเสียที หากว่าใครสงสัยหรือไม่พอใจ หรือคิดว่าเราทำผิดกฎหมาย ช่องทางที่ดีที่สุดคือกระบวนการยุติธรรม สามารถไปร้องเรียนหรือฟ้องร้อง ซึ่งเราสามารถไปแก้ต่างหรือไปต่อสู้ หากพิสูจน์ออกมาแล้วว่าไม่จริง เราก็ต้องใช้สิทธิของเราในการแสวงหาความยุติธรรม

ถามต่อว่าผู้ร้องอ้างมีคลิปเสียงและหลักฐานต่างๆ ไปยื่นประกอบ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่แล้ว เพราะอย่างที่บอกว่าได้ออกประกาศไปเมื่อวันที่ 30 เม.ย.67 ห้ามสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล และจะไม่มีคลิปอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว.อย่างแน่นอน แต่หากมีหลักฐานใหม่เพิ่มเติมก็ให้ไปพิสูจน์กันที่ศาล

เมื่อถามว่า รู้สึกน้อยใจหรือไม่แม้การเลือก สว.จบไปแล้ว แต่การกล่าวหาพรรคภูมิใจไทยยังไม่จบไม่สิ้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้น้อยใจ เพราะมีเรื่องให้สัมภาษณ์ทุกวัน ดีได้ออกทีวี ชอบ

ถามถึงกรณีที่มีการรายงานว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะออกหมายเรียกรอบ 3 โดยระบุว่าจะเป็นคีย์แมนคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ เขาก็เปิดไปแล้ว ไม่ต้องไปรอเปิดเผยล็อตไหน เรื่องออกมาไม่รู้กี่เดือนแล้ว

“ยืนยันว่าไม่มีปัญหาทุกคนเป็นบุคคลสาธารณะ ใครจะมาตรวจสอบหรือร้องเรียนอะไรได้หมด เพราะหากไม่เป็นความจริงคนที่ทำก็ต้องรับผิดชอบ กล้ารับโทษในสิ่งที่เราจะแสวงหาความยุติธรรม” นายอนุทิน กล่าว

วันเดียวกันนี้ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย โดยบอกว่าการยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (1) เป็นการกระทำล้มล้างการปกครอง หรือได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย โดยเรื่องนี้ตัวเองได้ยื่นร้องต่ออัยการสูงสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา

“วันนี้ที่ยื่นคำร้องให้ กกต. คือ มาตรา 92 (2) กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยให้ กกต. พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของพรรคภูมิใจไทย ว่าเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่อย่างไร”

สำหรับคดีนี้ไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องการล้มล้างการปกครองก่อน เนื่องจากหลักฐานข้อเท็จจริงที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ กกต. เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญชัดเจน ทั้งนี้ จากหลักฐานพบว่า มี สว.จำนวน 138 คน และ สว.สำรองอีกประมาณ 40 คน มีความผิด เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากมีเส้นเงิน และพยานหลักฐานที่สามารถตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ได้ ทั้งคลิปเสียง และเอกสารต่างๆ จึงมั่นใจว่าพยานหลักฐานในการสืบสวน ที่ใช้ยื่นแนบกับคำร้อง ไม่มีปัญหาน่าจะมีปัญหาใดๆ

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยขู่จะฟ้องนั้น นายณพร กล่าวว่า นายอนุทินถือเป็นคนของประชาชนทำหน้าที่บริหารประเทศ ควรจะรับฟังความคิดเห็นและข้อกล่าวหาของประชาชน ไม่ใช่ใครยื่นเรื่องตรวจสอบก็จะฟ้องร้องอย่างเดียว เหมือนเป็น “นักเลงหัวไม้”

ทั้งนี้ ในประเด็นการตรวจสอบคดีฮั้ว สว. นายณฐพร กล่าวว่า ตนกลัวอยู่ 2 คน ที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนไป คนหนึ่งคือ “พลเอก ส.”  อีกคนคือ “นาย ส.” โดยบอกว่าหลังจากนี้ตนกำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆให้ครบถ้วน แล้วหลังจากนั้นจะออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง

“ย้ำว่ากระบวนการยุติธรรมที่ร้องมาไม่เป็นผล ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากสองคนนี้ เพราะว่ามีอำนาจสั่งองค์กรอิสระได้ โดยเชื่อว่าตัวท่านเองก็รู้อยู่ว่าเป็นใคร พร้อมขอว่า อย่าทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียไปมากกว่านี้เลย”

เมื่อถามว่ากรณีการร้องเรียนนี้ถือเป็นนิติสงครามของสีแดงกับสีน้ำเงินหรือไม่  นายณฐพร ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใด ไม่มีความสนิทสนมส่วนตัวกับใครทั้งสิ้น ที่ผ่านมาก็เคยฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เรื่องการอภัยโทษ เพราะฉะนั้นไม่ใช่สีใดทั้งสิ้น ตนเป็นสีของประชาชน

Related Articles