Home Feature งาบ ‘น้ำมันหลวง’ ของหวานกองทัพ?! ‘บิ๊กอ้วน’ จี้ ผบ.เหล่าทัพ เคลียร์ปมทุจริต! อย่าอ้างระเหยหมื่นลิตร

งาบ ‘น้ำมันหลวง’ ของหวานกองทัพ?! ‘บิ๊กอ้วน’ จี้ ผบ.เหล่าทัพ เคลียร์ปมทุจริต! อย่าอ้างระเหยหมื่นลิตร

by admin

“รมว.กลาโหม” ย้ำ “ผบ.เหล่าทัพ” เคลียร์ให้ชัด! ปมทุจริตในหน่วยงาน หลังน้ำมันหาย 10,000 ลิตร ชี้อย่าอ้าง “น้ำมันระเหย” บอกได้ยินมานานแล้ว คุ้ยโกงสะบัดช่อ ปี 67 “สตง.” ฟันหน่วยงานสังกัด “กองทัพไทย” พบน้ำมันสูญหาย 4.5 แสนลิตร แถม “ไอ้โม่งลายพราง” ปลอมลายเซ็นเบิกจ่ายน้ำมัน 12 ครั้ง รวม 2 แสนลิตร ชง “ป.ป.ช.” สั่งเชือดแล้ว-เรียกค่าเสียหายคืนหลวง 18 ล้าน ล่าสุดถึงคิว “กองทัพบก” ส่อวุ่น! “อดีตผู้พันเสนารักษ์” ร้อง “ผบ.ทบ.” ยื่นอุทธรณ์คำสั่งย้ายไม่เป็นธรรม หลังตรวจเจอทุจริตน้ำมันเชื้อเพลิงในกองทัพ แต่ตัวเองโดนตั้งกรรมการสอบ-เด้งเข้ากรุตบยุง

จากกระแสข่าวที่หน่วยทหารมีน้ำมันหายประมาณ 10,000 ลิตร ซึ่งที่ผ่านมาจะมีลักษณะเช่นนี้เรื่อยๆ จะมีการสั่งตรวจสอบอย่างไรเพื่อไม่ให้กรณีนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก นายภูมิธรรม  เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ตนเคยได้ยิน แต่ไม่ใช่เพิ่งได้ยิน ได้ยินมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อวานซืน ตนได้พบกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ จากการเข้าถวายพระพรฯ จึงได้กำชับไปว่า เรื่องเหล่านี้ต้องทำให้ชัดเจน

ทั้งนี้ จากข่าวบอกว่าเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ไม่ทราบว่าเหล่าไหน ตนจึงได้พูดคุยกับทุกเหล่า ว่าช่วยไปทำตรงนี้ให้ชัดเจน ตรวจสอบให้หมด เพราะตนก็ยังไม่ได้เชื่อว่าเรื่องเป็นอย่างนี้หรือไม่ แต่นักข่าวสายทหารอาจจะทราบ ดังนั้นมีอะไรให้มาบอกตนได้ จะได้ตั้งตัว

เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่เวลาตรวจสอบแล้ว มักมีคำอ้างว่าน้ำมันระเหย นายภูมิธรรม กล่าวว่า “โอ้โห ระเหย 10,000 ลิตร มันก็ต้องสมเหตุผล จะอ้างอะไร เราก็รับฟังและตรวจสอบ”

คุ้ยโกงสะบัด! ปี 67 สตง.ฟันหน่วยงาน ‘กองทัพไทย’ งาบน้ำมันดีเซล หลายแสนลิตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีกระแสข่าวการทุจริตน้ำมันเชื้อเพลิงในกองทัพ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนตุลาคม 2567 สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 15 (จังหวัดสงขลา) ได้ตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการขุดลอกลําน้ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของหน่วยงานในสังกัด “กองบัญชาการกองทัพไทย” ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้จํานวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ 23.07 ล้านบาท โดยมีค่าจัดซื้อน้ำมันดีเซล 557,247 ลิตร จํานวน 17.23 ล้านบาท โดยสรุปผลการตรวจสอบได้ดังนี้

1. การจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่นสูงกว่าความต้องการใช้จริง

โดยระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 มีการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง จํานวน 242,038 ลิตร และมีการเบิกน้ำมันเพื่อนําไปใช้ในการปฏิบัติงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ม.ค.65 จํานวน 19,054 ลิตร แต่จากการตรวจสอบสังเกตการณ์คลังน้ำมัน ณ วันที่ 24 ม.ค.65 พบว่ามีจํานวนน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือในคลังเพียง 32,350 ลิตร ซึ่งน้อยกว่าความเป็นจริงถึง 190,634 ลิตร จึงน่าเชื่อว่าได้มีการนําน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากคลังโดยมิชอบ

ต่อมาหน่วยงานดังกล่าวได้มีการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและมีการทยอยส่งมอบอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมิถุนายน 2565 รวมจํานวนทั้งสิ้น 557,247 ลิตร และจากการตรวจสอบบัญชีการเบิกและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของโครงการดังกล่าว ปรากฏว่า ณ วันที่ 30 ก.ย.65 ได้มีการขนย้ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปจากคลังเพื่อใช้ในการขุดลอกลําน้ำทั้งหมด 557,247 ลิตร โดยมีการบันทึกว่าได้เบิกน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งจํานวนให้กับเครื่องจักรถากถาง รถขุดตัก เครื่องจักรที่เช่ามาจากเอกชน และรถบรรทุกขนย้ายดินเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานขุดลอกลําน้ำ

แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ไม่มีการนําเครื่องจักรถากถาง เครื่องจักรที่เช่ามาจากเอกชน และรถบรรทุกขนย้ายดินมาใช้ในการปฏิบัติงาน และสามารถคํานวณจํานวนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในการปฏิบัติงานขุดลอกลําน้ำทั้ง 6 โครงการ รวมกันเป็นจํานวนเพียง 102,680 ลิตร ซึ่งจะเห็นได้ว่าเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่จัดซื้อในรอบแรก จํานวน 242,038 ลิตร ก็เพียงพอสําหรับใช้ในโครงการขุดลอกลําน้ำทั้ง 6 โครงการแล้ว

พฤติการณ์จึงน่าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีเจตนาร่วมกันจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงมากเกินกว่าความจําเป็นต้องใช้จริง จํานวนถึง 454,567 ลิตร และมีเจตนาที่จะนําน้ำมันเชื้อเพลิงจํานวนดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา

2. การเบิกน้ำมันเชื้อเพลิงและหล่อลื่น ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ

จากการตรวจสอบการเบิกน้ำมันเชื้อเพลิงของโครงการขุดลอกลําน้ำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ปรากฏหลักฐานการขอเบิกน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อนําไปใช้ในโครงการดังกล่าว ระหว่างวันที่ 12 พ.ย.64-วันที่ 24 ม.ค.65 จํานวน 12 ครั้ง รวมจํานวน 200,000 ลิตร “โดยมีการปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ที่ขอเบิกน้ำมันเชื้อเพลิง และมีการลงนามอนุมัติและสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง”

ในขณะที่ผู้ที่ถูกปลอมลายมือชื่อได้ให้ถ้อยคําปฏิเสธว่าไม่ได้เบิกน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว พร้อมให้ข้อมูลว่าตนได้เริ่มเบิกน้ำมันเชื้อเพลิงและให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานน้ำขนย้ายเครื่องจักรเข้าไปดําเนินการขุดลอกลําน้ำเมื่อวันที่ 12 ม.ค.65 เป็นต้นมา โดยใช้เครื่องจักรของทางราชการ ไม่มีการเช่าเครื่องจักรมาใช้แต่อย่างใด และใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตามที่ปรากฏในบัญชีควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.-16 ก.พ. 65 รวมทั้งสิ้น 19,054 ลิตร จึงเห็นได้ว่าจํานวนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เบิกจ่ายไปกับจํานวนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในการปฏิบัติงานจริงไม่สอดคล้องกัน

นอกจากนี้ สตภ.15 ยังตรวจพบความผิดปกติในการขนย้ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งตามประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กําหนดคุณลักษณะและระบบการทํางานของเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ สําหรับรถที่ใช้ในการขนส่งวัตถุอันตราย พ.ศ.2555 “กําหนดให้รถบรรทุกน้ำมันต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS)” แต่หน่วยงานดังกล่าวในสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ยกเลิกการติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ

“จึงน่าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดําเนินการหรือมีส่วนรู้เห็นในการขนย้ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปจากคลังน้ำมันโดยมิชอบ พฤติการณ์เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา”

ส่อวุ่น! ‘ผู้พัน’ แฉตรวจเจอทุจริตน้ำมัน แต่โดนตั้งสอบ-เด้งพ้น ‘ทภ.2’

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 ที่ผ่านมา พันโท ธนเดช บุญสมยา ตำแหน่งประจำ พบ. (กรมแพทย์ทหารบก) อดีตผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 6 สังกัด กองพลทหารราบที่ 6 (ผบ.พัน.สร.6) กองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งในการปรับย้ายที่ไม่เป็นธรรม ต่อ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ผ่านสำนักงานเลขานุการกองทัพบก หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีถูกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย เมื่อวันที่ 30 เม.ย.68

ส่งผลให้ พันโทธนเดช ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบ.พัน.สร.6 ต้องถูกย้ายไป ประจำ พบ. (กรมแพทย์ทหารบก) สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.67 หลังเดินทางไปเข้าร่วมพิธีรับตำแหน่งใหม่ ในฐานะ ผบ.พัน.สร.6 ต่อจากผู้บังคับบัญชาท่านเดิม

โดยหลังรับตำแหน่งเพียง 3 วัน ได้จัดทำการสำรวจพิเศษ ทั้งอาวุธยุทธโธปกรณ์ ยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สำคัญภายในหน่วย “ปรากฏพบความไม่ชอบมาพากล” ของจำนวนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ซึ่งเป็นน้ำมันในส่วนของเชื้อเพลิงอัตราพิกัด ที่ต้องมีเตรียมพร้อมไว้ใช้เติมยานพาหนะหากมีสถานการณ์สู้รบ

“พบว่า จำนวนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เชื้อเพลิงอัตราพิกัด ที่ต้องมีสำรองไว้ใช้ในสนามรบ ที่อยู่ในบัญชีควบคุม ทั้งสิ้น 9,013 ลิตร กลับเหลือเพียงเพียง 2,600 ลิตร ขาดหายไป 6,413 ลิตร เป็นมูลค่าความเสียหาย ในขณะวันที่สำรวจ มีราคา ลิตรละ 32.94 บาท รวมมูลค่า 211,244.22 บาท”

เป็นเหตุให้ต้องรีบทำบันทึกข้อความถึงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เรื่องความไม่ชอบมาพากลของ ผลการสำรวจพิเศษในวาระที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ เพื่อป้องกันตวามเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทางราชการ แต่แทนที่ผู้บังคับบัญชาจะเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหาตัวการที่ทำให้น้ำมันของทางราชการสูญหาย กลับพยายามทำการตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ทำสำรวจพิเศษ ซึ่งก็คือ พันโทธนเดช ที่เพิ่งไปรับตำแหน่งใหม่ และเป็นผู้ตรวจพบความไม่ชอบมาพากลเสียเอง

ซ้ำร้ายยังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พันโทธนเดช โดยมิชอบ ก่อนจะมีคำสั่งกองทัพบก ที่ 153/2568 เรื่องให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน ส่งผลให้ถูกโยกย้ายไปประจำกรมแพทย์ทหารบก ห้อยท้ายด้วยเลขแสดงคุณวุฒิ ชกท.0009 ซึ่งหมายถึงนายทหารที่ได้รับการบรรจุเป็นกรณีพิเศษโดยไม่มีหน้าที่หรือภารกิจใดๆ ให้รับผิดชอบ ซึ่งการทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งครั้งนี้เป็นไปตามกฎระเบียบ ที่ต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 15 วัน เพื่อขอให้ ผบ.ทบ. ตรวจสอบที่มาที่ไปของเรื่องการทำสำรวจพิเศษ ที่ได้เคยรายงานเอาไว้ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.พัน.สร.6 จนพบน้ำมันอัตราพิกัดเกิดสูญหายไปถึง 6,413 ลิตร แต่ตนเองโดนกลั่นแกล้งจากผู้บังคับบัญชาในสังกัด ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเสียเอง

Related Articles