ศาลปกครอง แจงข้อกฎหมายคดี “ยิ่งลักษณ์” ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ชี้คำสั่งพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน ศาลจึงสั่งเพิกถอน! ยันไม่มีอำนาจสั่งชดใช้ “ตุลาการศาลปกครองสูงสุด” อธิบายละเอียดยิบ ต้องชดใช้คดีระบายข้าวจีทูจีอย่างไร ย้ำคดีนี้ “ถือว่าสิ้นสุดแล้วในทางปกครอง” เผยขั้นตอนจากนี้ “คลัง” ที่เป็นเจ้าหนี้ต้องไปเรียกชดใช้จากอดีตนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” กลืนเลือด! ลุ้นเซ็นคำสั่งยึดทรัพย์ “อาปู” หมื่นล้าน หากไม่ทำส่อผิด “ม.157” ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ทนายฟันเปรี้ยง! ตีความ 5 ข้อ อ้าง “ยิ่งลักษณ์” ชนะคดี ไม่มีคำบังคับชดใช้จำนำข้าวหมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 สำนักงานศาลปกครองออกแถลงการณ์ ชี้แจงข้อกฎหมายคดีฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโครงการรับจำนำข้าวเปลือก สืบเนื่องจากการพิจารณาคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ฟ้องคดีที่ 1 และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร ผู้ฟ้องคดีที่ 2 และอดีตนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) กับพวกรวม 9 คน ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดี
คดีในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีมูลเหตุมาจากกรณีที่มีคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท อันเป็นคำสั่งทางปกครองที่ให้ชำระเงิน ซึ่งหากไม่ชำระ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครอง โดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาดเพื่อชำระเงินตามคำสั่งได้ โดยไม่จำต้องฟ้องคดีต่อศาล
ซึ่งตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ที่ใช้บังคับอยู่เดิม และมาตรา 63/7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวที่แก้ไขใหม่ เมื่อเห็นว่าคำสั่งดังกล่าว “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” และฟ้องคดีต่อศาลปกครอง โดยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว คดีในส่วนนี้จึงเป็น “คดีพิพาท” เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลปกครองมีอำนาจเพียงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน
ทั้งนี้ ศาลไม่มีอำนาจพิพากษาให้คู่กรณีฝ่ายผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งคดีนี้ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำสั่งพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งพิพาทเฉพาะส่วนที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83 บาท โดยศาลปกครองสูงสุดไม่ได้มีคำพิพากษาและออกคำบังคับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 9 แต่อย่างใด

คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 โดยตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่นั่งพิจารณาได้ลงลายมือชื่อในร่างคำพิพากษาครบทั้ง 5 คนเรียบร้อยแล้ว ต่อมาประธานศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้นำคดีเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งในการประชุมใหญ่นั้นจะประกอบด้วยตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่พ้นจากราชการไปแล้วจึงไม่อาจเข้าร่วมประชุมใหญ่ได้ ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่จะเป็นไปตามเสียงข้างมากของที่ประชุม
ต่อมาเมื่อมีการจัดทำคำพิพากษาตามมติของที่ประชุมใหญ่แล้ว ตุลาการในองค์คณะ 2 คน ที่พ้นจากราชการไปแล้ว จึงไม่อาจลงลายมือชื่อในคำพิพากษาได้ ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดได้มีบันทึกกรณีตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีเหตุจำเป็นไม่อาจลงลายมือชื่อได้ ไว้ในคำพิพากษาแล้ว การดำเนินกระบวนพิจารณาและจัดทำคำพิพากษาดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 68 และมาตรา 69 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
ส่วนการทำความเห็นแย้งนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนในที่ประชุมใหญ่มีสิทธิทำความเห็นแย้งได้ตามมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยปรากฏความเห็นแย้งและรายชื่อของตุลาการที่มีความเห็นแย้งอยู่ในคำพิพากษาแล้ว

‘ตุลาการ’ แจงยิบระบายข้าวจีทูจี ‘คลัง’ เป็นเจ้าหนี้ เรียกชดใช้จาก ‘ปู’ หมื่นล้าน
น.ส.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาสัมพันธ์ ศาลปกครอง ชี้แจงเพิ่มเติมคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องชดใช้ความเสียหายคดีโครงการรับจำนำข้าว เฉพาะในส่วนระบายข้าวจีทูจี ว่า คดีนี้เป็นการฟ้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งโดนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่เรียกให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมโครงการจำนำข้าวเปลือก จำนวนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเอาคำสั่งนี้มาฟ้องต่อศาล ว่าคำสั่งนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ศาลก็ได้ทบทวน โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการจำนำข้าวนั้นประกอบด้วยหลายขั้นตอน จึงวินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายนั้นไม่ต้องมีความรับผิด แต่ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ คือเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการปฏิบัตินโยบาย ดังนั้น การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี มีปัญหาการทุจริต มีการรายงานเข้ามาโดยหลายหน่วยงาน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ติดตามกำกับดูแลตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้
“ดังนั้นเฉพาะในส่วนนี้ที่ศาลปกครองเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายที่กระทรวงการคลังเรียกมา 3.5 หมื่นล้านบาท แต่ศาลตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ เป็นตัวเลขเพียงแค่ 10,028 ล้านบาท เนื่องจากโครงการจีทูจี ดังนั้นผลของคดีศาลถึงบอกว่าคำสั่งเรียกเงินนั้นชอบบางส่วนและไม่ชอบบางส่วน ส่วนที่ชอบด้วยกฎหมายก็คือ 10,028 ล้านบาทนี้ กระทรวงการคลังก็มีหน้าที่ต้องไปดำเนินการเรียกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อไป”
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องออกคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้เงินดังกล่าวภายในกรอบระยะเวลาเท่าใด น.ส.สายทิพย์ ตอบว่า อันนี้เป็นขั้นตอนเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ความรับผิดทางละเมิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเรื่องนี้คือกระทรวงการคลัง เขาก็ต้องไปออกมาตรการ อาจจะเป็นการแจ้งให้เอาเงินมาชำระ ถ้าหลังจากนั้นยังไม่มีการชำระ อาจจะมีการดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินต่อไป ก็เป็นกระบวนการของเจ้าหนี้กับลูกหนี้ปกติ ซึ่งตอนนี้กระทรวงการคลังถือว่าเป็นเจ้าหนี้ที่ต้องไปตามเอาค่าเสียหายคืนมา ส่วนทางฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งถือเป็นลูกหนี้ จะมีการเจรจาหรือประสานงานกับกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ที่ต้องออกคำสั่งให้ใช้เงิน เขาก็ต้องเจรจาตกลงกันไป ส่วนเรื่องระยะเวลาก็จะขึ้นอยู่กับกฎหมายของกระทรวงการคลัง

ต่อข้อถามว่า ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะมีการหักลบกลบหนี้กับยอดขายข้าวก่อนหน้านี้ เพื่อที่สุดท้าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะไม่ต้องจ่ายสักบาท จริงๆ แล้วสามารถหักลบกลบหนี้ได้หรือไม่ น.ส.สายทิพย์ กล่าวว่า ก่อนที่จะไปพูดถึงหักลบกลบหนี้กันได้หรือไม่ สำหรับคดีนี้ในทางกฎหมายวิธีพิจารณาความนั้น “ถือว่าสิ้นสุดแล้วในทางปกครอง”
ในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่สุด กรณีที่จะเกิดการทบทวนขึ้นใหม่ จะอยู่ในมาตรา 75 ของกฎหมายวิธีพิจารณาคดีปกครอง โดยสาระสำคัญเขียนว่า กรณีที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาในคดีเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ซึ่งขณะนี้คดีนี้ก็เป็นเช่นนั้น
ทั้งนี้ ในกรณีผู้มีส่วนได้เสีย อาจมีคำขอให้ศาลปกครองพิพากษาคดีนั้นใหม่ได้มี 4-5 เงื่อนไข แล้วเงื่อนไขที่ทนายความอ้างถึง เช่น อาจจะขอให้พิจารณาได้ถ้ากรณีคำพิพากษานั้นทำขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริง แล้วมีข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ เช่นที่เขาอ้างว่ามีข้อเท็จจริงใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรก็ตาม ต้องผ่านขั้นแรกมาก่อน คือคำขอพิจารณาคดีใหม่ภายใน 90 วัน ศาลก็พิจารณาว่ามีเหตุตามเงื่อนไขของมาตรา 75 นี้หรือไม่
ทนายฟันเปรี้ยง! ตีความ 5 ข้อ อ้าง ‘ปู’ ชนะคดี-ไร้บังคับชดใช้หมื่นล้าน
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายข่าวจากศาลปกครอง ไว้ว่า
1.มีคำสั่งของกระทรวงการคลัง ให้ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชดใช้เงินจำนวน 35,000 ล้านบาท
2.ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ จึงฟ้องให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงการคลังดังกล่าว
3.ศาลปกครองชั้นต้น ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชนะคดี โดยศาลเห็นว่าเป็น คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ต้อง ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 35,000 บาท
4.แต่ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่าคำสั่ง ชอบบางส่วนไม่ชอบบางส่วน จึงกำหนดให้รับผิดแค่ 10,028 ล้านบาท ลดไปประมาณ 25,000 ล้านบาท พูดง่ายง่ายก็คือ ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชนะคดีในส่วนที่ลดไป 25,000 ล้านบาท
5.ส่วนที่ศาลระบุว่า ศาลไม่ได้มีคำพิพากษาว่ามีคำสั่ง ให้ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ให้ชดใช้ หรือออกคำบังคับให้ชดใช้เงิน เป็นเพียงการอธิบายข้อกฎหมาย จากการที่ผู้ฟ้องคดี คือ ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งเก้า จึงไม่มีคำขอบังคับจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งเก้า
คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะพิพากษาหรือออกคำบังคับให้ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชำระหรือชดใช้ให้กับผู้ฟ้องคดีทั้งเก้า