โฆษกฯ ยัน “นายกฯ อิ๊งค์” สั่งการ “บัตรทอง” มีแต่เพิ่มการดูแลประชาชน ไม่มีทางปล่อยให้ล้มแน่นอน อัดผู้ไม่หวังดี ปล่อยข่าวลือโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” จะเจ๊งใน 3 ปี ชี้ขาดทุน เรื่องปกติ ถ้าทำกำไรกับประชาชนคงเป็นเรื่องแปลก ย้ำรัฐบาลจัดงบปี 69 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ พร้อมดูแลสุขภาพคนไทยทุกคนเต็มที่
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวว่า “โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่” ขาดทุน และภายใน 3 ปีจะยกเลิกนั้นเป็นเท็จ โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ และปี 2569 นี้ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 265,295 ล้านบาท ให้แก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงที่สุดเท่าที่เคยจัดสรรให้กับกองทุนบัตรทองฯ นับตั้งแต่มีการจัดตั้งโครงการมา ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ และรักษาพยาบาลให้กับประชาชน หากไปทำกำไรคงเป็นเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้
ทั้งนี้ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้เร่งผลักดันการใช้งบประมาณของกองทุนบัตรทองฯ ให้คุ้มค่า โปร่งใส และมีประสิทธิผล มุ่งยกระดับการบริการสาธารณสุขทุกมิติ เน้นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ อาทิ การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) รวมทั้งการเพิ่มรายการยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อนำยาที่มีคุณภาพสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่มาให้ประชาชนในการรักษาโรค พร้อมการเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคในโครงการ คนไทยห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เพื่อลดการเกิดโรคของประชาชนในระยะยาว
“การจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการผลักดันนโยบายด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงหลัก ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียม ตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ บวกกับการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อดูแลสุขภาพคนไทย”
นอกจากนี้ สปสช.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับภาคเอกชนไทย และบริษัท Seiko Instruments จากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีด้านทันตกรรม พัฒนาด้ามกรอทางทันตกรรมรุ่นใหม่ และจัดตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดการนำเข้าด้ามกรอฟันของไทยที่มีมูลค่าสูงถึงปีละราว 3,000 ล้านบาท แต่ยังส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเทคโนโลยีทางการแพทย์ไทยในตลาดโลกอีกด้วย
“ไม่ต้องกังวลบัตร 30 บาท มีแต่จะเพิ่มการดูแลในทุกมิติ ไม่มีลดเด็ดขาด รัฐบาลสนับสนุนนโยบายด้านสุขภาพ โดยจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2569 ได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น และปรับเพิ่มขึ้นทุกรายการ เพื่อให้ครอบคลุมสุขภาพของคนไทย และสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง ตั้งแต่ระดับพื้นฐานขึ้นจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงได้ รวมทั้งการสนับสนุนมาตรการต่างๆ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของประชาชนอย่างแท้จริง” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวย้ำ