“เขมร” กร้าว! ไม่ประนีประนอม ยัน 4 พื้นที่ “ช่องบก-ตาเมือนธม-ตาเมือนโต๊ด-ตาควาย” ดึงขึ้น “ศาลโลก” เท่านั้น! ชี้กลไก JBC ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ “ฮุน มาเนต” เมินหารือสองฝ่าย ขอพึ่งศาลโลกชี้ขาดพิพาทชายแดน “รัฐบาลไทย” แถลงการณ์ฉบับ 2 ยันไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 ย้ำใช้กลไกทวิภาคีเจรจา พร่ำหาสันติภาพ 14 มิ.ย.นี้ที่พนมเปญ หวังให้ “กัมพูชา” ยังร่วมมือ “บิ๊กอ้วน” ควง “บิ๊กเล็ก” บินด่วนอรัญฯ-สระแก้ว เปิดค่ายสุรสิงหนาท นัด “เตีย เซยฮา” รมว.กลาโหมขแมร์ ถกปมร้าวชายแดน เพ้อจับมือแก้ปัญหา เล็งปรับกำลังในพื้นที่ให้เหมือนปี 67
สถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่คลี่คลาย โดยล่าสุด พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนชัดเจนว่า รัฐบาลกัมพูชาจะไม่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ณ กรุงพนมเปญ พร้อมประกาศขอใช้ช่องทางศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยจะไม่นำประเด็นเหล่านี้ไปหารือระหว่างการเจรจาทวิภาคีกับไทย
“ฮุน มาเนต” ระบุว่า ท่าทีนี้สอดคล้องกับแนวทางของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีคนก่อน และยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองสูง โดยระบุชัดว่า กัมพูชาจะไม่ประนีประนอมในพื้นที่พิพาทสำคัญๆ อาทิ ช่องบกในเขตชายแดนอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไปจนถึงกลุ่มปราสาทโบราณสำคัญ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ซึ่งทอดยาวตามแนวชายแดนกว่า 200 กิโลเมตร
ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (5 มิ.ย.) รัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์เป็นฉบับที่ 2 โดยระบุว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC), คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พ.ค.68
ทั้งนี้ ตามที่กัมพูชาแสดงความตั้งใจที่จะใช้กลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) นั้น
ประเทศไทย ประกาศไม่ยอมรับในเขตอำนาจของ ICJ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน โดยทั้งสองฝ่ายมีกลไกทวิภาคีในการจัดการประเด็นปัญหาชายแดนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรก สิ่งที่สำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ซึ่งจะสร้างความซับซ้อนของปัญหามากขึ้น
ประเทศไทยไม่ต้องการเห็นฝ่ายใดได้รับความสูญเสียใดๆ และประเทศไทยกัมพูชา มีกลไกเรื่องเขตแดนอยู่แล้ว ซึ่งกลไกดังกล่าวโดยเฉพาะการทำงานของ JBC ในช่วง 26 ปีที่ผ่านมา ก็มีความคืบหน้าในหลายพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นในกรณีของสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และบ้านสตึงบท ต.ปอยเปต อ.โอโจรว จ.บันเตียเมียนเจย) และการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ไทย-กัมพูชา ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จ.จันทบุรี กับบ้านปรม จ.ไพลิน กัมพูชา
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ และหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะแสดงถึงความปรารถนาเช่นเดียวกันในการร่วมมือกับไทย ในลักษณะที่สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของเราในสันติภาพ เสถียรภาพ และการเคารพซึ่งกันและกัน


ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าไทยยังยึดหลักเจรจาอย่างสันติ และจะไม่ขยายกรอบการหารือไปยังพื้นที่อื่นโดยไม่จำเป็น
“เราไม่ได้เสียอธิปไตยไป และเรายังเชื่อในพลังของการเจรจาเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ไทยจะไม่ไล่ตามไปทุกประเด็นที่กัมพูชาขยายออกมา เราขอพูดเฉพาะจุดที่เกิดเหตุจริงๆ เท่านั้น”
นายภูมิธรรม ระบุว่า ทางกัมพูชาบอกว่าจะไม่เอา 4 ปราสาทนำมาคุยใน JBC ซึ่งไม่มีประเด็นที่จะคุยในเรื่องนี้อยู่แล้ว อีกทั้งตนก็พูดชัดเจนแล้วว่า ไม่เอาเรื่องอื่นเข้ามา จะคุยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเดียว ดังนั้นไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ในส่วนของเรา จะคุยเฉพาะจุดที่เป็นคู่ปัญหาขัดแย้ง
“ส่วนเรื่องศาลโลกนั้น มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ถือว่าเราไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลก ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีปัญหาอะไร และเราก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก ส่วนทางกัมพูชาจะเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปขึ้นศาลโลก ก็เป็นเรื่องของกัมพูชา เราไม่สามารถไปห้ามอะไรเขาได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย การประชุม JBC เจบีซีในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ยังเหมือนเดิม จุดที่คุยคือ จุดที่ขัดแย้งบริเวณต้นสัตบรรณ กับพื้นที่ที่เกิดปัญหายิงกัน ยืนยันเหมือนเดิมไม่มีปัญหาอะไร และเรายังยึดมั่นในกรอบของเรา ศาลโลกก็ไม่มีอำนาจในการบังคับเรา” รมว.กลาโหม ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ที่ค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, พลเอกธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และคณะ ได้เข้าร่วมหารือกับ พลเอก เตีย เซยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา, พลเอก เอต สารัช รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเสนาธิการร่วม, พลเอก เมา โซพาน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา
โดยการหารือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องระหว่างสองฝ่าย โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องที่จะดำเนินการตามกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม และการปรับกำลังในพื้นที่ให้เหมือนในปี 2024 ทั้งนี้ เน้นถึงความสำคัญของการใช้กลไกทางทวิภาคี เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนความร่วมมือและการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันอย่างยั่งยืน