“ภูมิธรรม” เมิน “กัมพูชา” ตั้งกรรมการร้อง “ศาลโลก” จ้องฮุบ 4 พื้นที่ข้อพิพาทชายแดน แย้มไทยมี “มาตรการรับมือ” แต่ขั้นตอนกฎหมายเผยไม่ได้
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ทางกัมพูชาตั้งคณะกรรมการ จัดทำเอกสารเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลโลก เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา 4 พื้นที่ ได้แก่ ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย โดยระบุว่า ไม่เป็นไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ การจะฟ้องศาลโลกเป็นหน้าที่ของกัมพูชา ส่วนไทยเราก็มีมติไม่รับอำนาจขอบเขตศาลโลก ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ทุกอย่างให้ว่ากันไปตามกระบวนการ
เมื่อถามว่าปัญหายังมีหลายจุด พูดคุยไม่จบ จะมีปัญหาในการประชุม JBC หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวยอมรับว่า ปัญหาคงไม่จบเสียทีเดียว ต้องใช้เวลาพูดคุยกันในส่วนที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ในเวทีเจบีซี ที่เราได้พูดเราได้พูดชัดเจนแล้วว่า จะพูดเฉพาะในกรณีที่เป็นปัญหาต้องเคลียร์กันเป็นส่วนๆไป และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นข้อตกลงร่วมกัน
จากท่าทีของกัมพูชาในตอนนี้ทำให้เราต้องคงมาตรการเปิด-ปิดด่านไปอีกนานเท่าไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากการสั่งการซึ่งผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาคที่ 2 รับทราบตรงกันว่าเราจะยังคงดำเนินการตามมาตรการของแต่ละพื้นที่ ขณะนี้เรายังไม่ได้ยกระดับมาตรการ และย้ำว่าเราไม่ได้ปิดด่าน แต่เปิด-ปิดตามเวลาและจำกัดคน ส่วนที่มีการเผชิญหน้าเราก็ได้มีการปรับกำลัง ขณะที่พื้นที่อื่นยังคงมาตรการเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น เพราะเราได้ให้ทหารทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยกันในพื้นที่มากขึ้นอีกทั้งมีข้อเสนอให้จัดกิจกรรมร่วมกัน ลาดตระเวนด้วยการคิดว่าบรรยากาศโดยรวมน่าจะดีขึ้น
กรณีที่กัมพูชาจะนำเรื่องร้องต่อศาลโลกจะเข้าข่ายลักษณะเดียวกับกรณี “เขาพระวิหาร” ก่อนหน้านี้หรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงได้มีการวิเคราะห์ผลกระทบอย่างไร รมว.กลาโหม กล่าวว่า เขาพระวิหารเป็นอีกเรื่อง ไม่เกี่ยวกับกรณีนี้ แต่อาจจะเป็นบทเรียนบางส่วนได้ ซึ่งเราจะไม่นำเรื่องนั้นมาพูดถึง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนข้อเสนอของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ที่อยากให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะเจรจาพูดคุยกับทางกัมพูชาเนื่องจากเป็นคนเดียวกับที่คุยสมัยเขาพระวิหารนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คนที่อยู่กับปัญหาและอยู่กับพื้นที่ น่าจะรู้ดีที่สุดว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพิจารณา รัฐบาลจะรับฟัง ข้อเท็จจริงและเหตุผล เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพึงใจหรือว่าใครชอบใคร อยากได้ใคร เป็นเรื่องที่ว่าประเทศชาติมีปัญหาอยู่ตรงไหน ขอให้นึกถึงผลประโยชน์ตรงนี้เยอะๆ
ถามต่อว่าการที่กัมพูชาฟ้องศาลฝ่ายเดียวจะมีผลอะไรกับไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก คนฟ้องก็ฟ้องไป คนที่ไม่ยอมรับก็ไม่ไปเข้าสู่กระบวนการ แต่หากมีเงื่อนไขอื่น ก็เป็นเงื่อนไขทางกฎหมาย แต่ไม่อยากจะพูดตรงนี้ เรื่องของกฎหมายให้กรมสนธิสัญญาต่างประเทศเป็นฝ่ายพูดจะดีกว่า แต่เราได้เตรียมความพร้อมและแนวทางในเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะประเทศวิกฤต แบบนี้ไม่เตรียมได้อย่างไร ส่วนจะเตรียมไว้อย่างไรขอให้ฟังการชี้แจงเป็นระยะ