Home Feature ‘แพทองธาร’ ซัดเดือด ‘2 พ่อลูกฮุน’ ไม่เคารพกติกา-ก่อความวุ่นวาย กร้าวไทยไม่ยอมถูกข่มขู่

‘แพทองธาร’ ซัดเดือด ‘2 พ่อลูกฮุน’ ไม่เคารพกติกา-ก่อความวุ่นวาย กร้าวไทยไม่ยอมถูกข่มขู่

by admin

ประชุมด่วนบ้านพิษณุโลก นายกฯ เรียกฝ่ายความมั่นคง-ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้าถกปมเขมร “แพทองธาร” ท่าทีขึงขัง! ซัด “2 พ่อลูกตระกูลฮุน” ไม่มืออาชีพ-ชอบก่อความวุ่นวาย พร้อมตั้ง “บิ๊กเล็ก” คุมทีมไทยแลนด์เกาะติดรับมือ “กัมพูชา” ย้ำ “เจบีซี” สำเร็จ ไม่มีปัญหา แจงกำหนดเวลา “เปิด-ปิดด่าน” เหตุพบอาวุธหนัก หวั่นเกิดอุบัติเหตุ รับสื่อสารช้าเพราะเคารพกรอบทวิภาคี ชี้ถ้าต้อง “ปะทะ” ต้องคุยทหารก่อน ไม่ใช่ “จุดไฟ” ได้เลย กร้าวไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมถูกข่มขู่-ใส่ร้าย ย้ำ “รัฐบาล-กองทัพ” เป็นหนึ่งเดียว ย้ำ “ไทย” ไม่สื่อสารรายวัน ลดยั่วยุ อัด “เขมร” ไม่เคารพกติกา โลกไม่ยอมรับ

วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่บ้านพิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงด้วยท่าทีแข็งกร้าว ว่า ในที่ประชุมเห็นตรงกันว่าการประชุมเจบีซี เป็นผลสำเร็จที่ได้พูดคุยกันและยอมรับกรอบการประชุม ส่วนรายละเอียดเป็นไปตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลง

นอกจากนั้น เราได้คุยกันทุกระดับ ทั้งหน้างานจนถึงระดับของนายกฯ อย่างต่อเนื่อง และวันนี้มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจทีมไทยแลนด์ โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งการตั้งคณะทำงานฯ เพื่อดูกรอบการทำงานว่าจะหาข้อมูลว่าปกป้อง ตั้งรับและตอบโต้อย่างไรจะต้องมีกรอบในการทำงาน ทั้งนี้ ยืนยันว่าประเทศไทยไม่รับเขตอำนาจศาลโลก และตอนนี้มีการตั้งทีมทำงานว่าจะสามารถปกป้องหรือตอบโต้อย่างไรบ้าง ทุกอย่างมีข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดคือความคืบหน้าในการประชุมวันนี้

เมื่อถามถึงกรณีสมเด็จ ฮุน เซ็น ประธานวุฒิสภาและอดีตผู้นำกัมพูชา ประกาศจะปิดด่านชายแดนทุกด่าน ในที่ประชุมได้หารือเรื่องนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เราไม่ได้ปิด เพียงแต่กำหนดเวลาการเปิดปิด เปลี่ยนไปจากเดิม โดยที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มอบอำนาจให้กองทัพดูว่าสถานการณ์ข้างหน้าเป็นอย่างไร เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ แต่เมื่อกัมพูชาจะไม่ปรับกำลัง เราจึงมีการกำหนดระยะเวลาเปิดปิดด่านตามมา

ที่ผ่านมาตนได้คุยกับ พลเอกฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พ.ค. มีการตกลงร่วมกันว่า เราต้องการสันติภาพระหว่าง 2 ประเทศ ไม่ต้องการความขัดแย้ง และต้องการรักษาชีวิตของประชาชน รวมถึงทหารไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ คือสิ่งที่เห็นตรงกันและพูดคุยกันมาเรื่อยๆ และพยายามพูดคุยในกรอบทวิภาคี ที่ทุกประเทศเมื่อมีการสื่อสารกัน เราต้องมีกรอบความเข้าใจร่วมกัน

แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลนั้น “นอกกรอบ” เป็นการสื่อสารที่ไม่มืออาชีพที่ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เกิดความวุ่นวายในการจัดการ ทั้งสิ่งที่คุยกันหลังไมค์และอย่างเป็นทางการ คิดว่าการสื่อสารแบบนี้ทำให้เกิดผลลบกับทั้ง 2 ประเทศ ข้อความที่ทางกัมพูชาได้โพสต์ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทั้งไทยและกัมพูชาด้วย การที่จะประกาศเรื่องการปิดด่านเลยหรือใดๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เราห่วงใยทั้งเรื่องการค้าขายตรงนั้น ถ้ามีการปิดด่านทั้งหมดมันกระทบ เราถึงไม่มีการปิดด่าน แต่เราปรับเวลา

พร้อมกันนี้ ได้แจ้งทางกัมพูชาว่าตนจะมีการประชุมในวันนี้ก่อน เพื่อรายงานผลว่าเราจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งตนเองตอนนี้ได้ส่งข้อความถึงนายกฯ กัมพูชา โดยเสนอให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ซึ่งเป็นการประชุมระดับกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ ให้พูดคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ว่าเพิ่งส่งไป และได้เห็นข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊ก ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่อยู่ในกรอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยยึดการเจรจาทวิภาคี แต่ทางกัมพูชาดูเหมือนจะไม่ความจริงใจ นายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมเจบีซี ก็เพื่อต้องการสันติภาพร่วมกัน และทางกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงในเนื้อความไปแล้ว ไม่มีการติดขัดหรือพลิกล็อกแต่อย่างใด

ถามว่าตอนนี้กัมพูชากำลังเล่นสงครามข่าวสาร จะรับมืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เมื่อสื่อสารไม่ตรงกัน เราต้องบอกจุดยืนของเราเช่นกันว่า เราไม่เคยยั่วยุ หรือพูดให้เกิดการปะทะใดๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะคนที่อยู่หน้างานกับคนที่รับฟังข่าวสาร เป็นคนละคนกัน ฉะนั้นเราจะทำอะไร ตัดสินใจอย่างไร สัมภาษณ์อะไรออกไป ก็ขอให้เห็นใจคนหน้างานด้วย นายกฯ อยู่ตรงนี้ หากเกิดการปะทะตามแนวชายแดน นั่นแปลว่าตนต้องรับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าตนตกลงให้มีการปะทะ ก็ต้องมีการคุยกับทหารด้วยว่าพร้อมหรือไม่ ต้องดูว่าเราอยู่ในสถานะไหน เขาอยู่สถานะไหน ไม่ใช่จะจุดให้ไฟติด ตรงนี้คือกรอบที่เราทุกคนต้องยึด ซึ่งการปล่อยข่าวหรือคำพูดอะไรที่ไม่เป็นทางการและส่งผลกระทบ ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่เป็นผลดีกับทั้งสองประเทศ

นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมและกองทัพ เห็นตรงกันว่าต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้ โดยต้องยืดการปะทะ และการเลือดเนื้อออกไปไม่ให้เกิดขึ้นโดยและต้องรักษาอธิปไตยของไทย ยืนยันว่ากองทัพและรัฐบาลไม่เคยตีกัน คุยกันทุกเรื่อง เราให้เกียรติกองทัพ ที่เป็นคนหน้างาน รู้เรื่องอาวุธ รัฐบาลต้องคุยหลังไมค์กับกองทัพว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับประเทศ เช่นเดียวกับกองทัพเวลาจะเคลื่อนไหว ได้ปรึกษากับรัฐบาลเช่นกันว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้

“ขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหากัน ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนรัฐบาลและกองทัพให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะวันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารักษาอธิปไตยของเราไว้ พูดให้รู้ว่าประเทศไทยเป็นปึกแผ่นและไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ไม่ให้ใครมาขู่ เราเป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีและเป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกา ก็จะไม่ถูกยอมรับจากทั่วโลก” นายกฯ กล่าว

‘อิ๊งค์’ ทวีตแจงปมไทย-กัมพูชา ลั่นไม่ยอมให้ใครกลั่นแกล้ง-ใส่ร้าย-ข่มขู่

ต่อมาเมื่อเวลา 15.55 น. น.ส.แพทองธาร ทวีตข้อความผ่าน X ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา โดยมีเนื้อหาสรุปว่า

จากจุดเริ่มต้นสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ตนและทุกหน่วยงาน ยึดหลักสันติวิธีในการแก้ปัญหา โดยการเจรจาตามกรอบทวิภาคี ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อรักษาบูรณภาพทางดินแดน ปกป้องอธิปไตย สร้างสันติภาพตามแนวชายแดน การเจรจาของรัฐบาลไทย เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติสากลผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของรัฐ

“งดเว้นการสื่อสารรายวัน ไม่ยั่วยุหรือท้าทาย เพื่อให้เกียรติประเทศคู่เจรจา”

ขอย้ำรัฐบาลไทยไม่เคยออกคำสั่งปิดด่านชายแดน สิ่งที่ดำเนินการอยู่คือการกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน จากมติในที่ประชุมสมช. เพื่อป้องกันผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของกำลังทหาร และอาวุธที่ใช้ปฏิบัติการในระยะไกลของฝ่ายกัมพูชา

ที่ผ่านมาการประชุม JBC ผ่านไปด้วยดี แม้มีข้อเห็นต่างกัน แต่เพื่อรักษาแนวทางการเจรจา รัฐบาลไทยจึงเสนอให้มีการประชุมในกรอบ RBC ซึ่งเป็นระดับผู้นำกองทัพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียด ให้ทั้งสองฝ่ายมีการปรับกำลังในพื้นที่เผชิญหน้า ให้กลับมาเหมือนปี  พ.ศ. 2567

กรณีที่รัฐบาลกัมพูชาจะเดินหน้านำ 4 พื้นที่พิพาท เข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก และไม่เข้าร่วมกระบวนการดังกล่าว เพราะเชื่อมั่นในกลไกทวิภาคีที่มีความจริงใจของทั้ง 2 ประเทศ คือ แนวทางที่มีประสิทธิภาพ และขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานทีมไทยแลนด์ ดำเนินการใดๆ ที่จะมีผลกระทบ โดยมี รมช.กลาโหม จะเป็นหัวหน้าคณะ การทำงานของรัฐบาลและกองทัพเป็นเอกภาพ ทุกคนคือทีมไทยแลนด์ วันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารู้สึกเหมือนพี่น้องคนไทยทุกคนว่าการรักษาอธิปไตยของชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน คือภารกิจอันสำคัญสูงสุด

รัฐบาลจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ วันนี้ถ้าไม่เคารพกติกา ก็จะไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก

Related Articles