ยันไม่ออก-ไม่ยุบสภา! นายกฯ แถลงขออภัยคนไทย ปมคลิปหลุด “หลานอิ๊งค์-ลุงฮุนเซน” บอกต่อไปจะระวังคำพูด “กต.ไทย” เรียก “ทูตกัมพูชา” แสดงความผิดหวังในตัวผู้นำ ตำหนิแรงไร้มารยาท! “ผบ.เหล่าทัพ” ร่วมถกสถานการณ์ไทย-กัมพูชา “แพทองธาร” แจง “รัฐบาล-กองทัพ” เป็นหนึ่งเดียว ร่วมปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี แย้มเคลียร์ “มทภ.2” ทำความเข้าใจกองทัพแล้ว ยินดีสนับสนุนทุกรูปแบบ ลือสะพัด! ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก ตบหน้า “ฮุนเซน” ต่ออายุราชการ “บิ๊กกุ้ง-พลโทบุญสิน” ด้าน “ทรงวิทย์” ฮึ่ม! พร้อมต่อสู้ภัยคุกคามเขมร “ผบ.ทบ.” แสดงจุดยืน สยบลือรัฐประหาร ย้ำยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย ชี้ “คนไทยต้องสามัคคี”
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.68 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกับผู้นำเหล่าทัพ ก่อนที่จะแถลงข่าว ขออภัยที่คลิปสนทนากับ “ฮุน เซน” อดีตผู้นำกัมพูชา หลุดออกสู่สาธารณะ
โดยในการหารือดังกล่าว มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ ได้แก่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
นอกจากนี้ บรรดาผู้นำเหล่าทัพ ที่ติดราชการไม่สามารถมาปรากฏตัว อาทิ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ติดภารกิจงานแอร์โชว์ ที่ประเทศฝรั่งเศส, พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ (ผบ.ทอ.) เดินทางไปปฏิบัติราชการที่ประเทศสวีเดน เช่นเดียวกับ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ (ผบ.ทร.) ไปปฏิบัติราชการที่ประเทศสเปน โดยได้มอบหมาย พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ, พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ และ พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วม
ภายหลังการประชุมเกือบ 3 ชั่วโมง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงว่า วันนี้ก็ได้มีการเชิญหน่วยงานความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น
“ก่อนอื่นต้องขออภัยต่อประชาชนคนไทยทุกคนที่มีเรื่องของกรณีคลิปเสียงหลุดออกมาระหว่างที่ดิฉันพูดคุยกับผู้นำกัมพูชา ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ตัวดิฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับทางแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพ อธิบายถึงเจตนาว่าเป็นเพียงเทคนิคของการสื่อสาร ที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจเขาก่อน เพื่อพูดคุยถึงรายละเอียดต่อๆ ไป เป็นการต่อรองให้การปะทะหยุดลง นี่คือความตั้งใจที่แท้จริง ที่ต้องการให้สถานการณ์สงบสุข”
ทั้งนี้ ไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการอัดคลิป และเผยแพร่เช่นนี้ ตนได้ทำความเข้าใจกับกองทัพเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกองทัพก็รับฟัง และบอกว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันเพื่อผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยทุกคนๆ ก็ต้องผนึกกำลังกันไว้เช่นกัน เพราะวันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ต่อประชาชน หรือของอะไรที่จะมาพูดว่ารัฐบาลกับกองทัพต้องมาสู้กัน
“วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกัน เราต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้ และนี่คือสิ่งที่เห็นตรงกัน และยินดีที่จะสนับสนุนกองทัพทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่กองทัพต้องการการสนับสนุนใดๆ ก็ตาม คือสิ่งที่เราตั้งใจว่าจะทำร่วมกัน”

การที่เราจะออกมาทำอะไรหรือตัดสินใจในมิติต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย และแน่นอนว่าประชาชนตรงชายแดนด้วย คือสิ่งที่เราต้องนึกถึงและให้ความมั่นใจ ให้ความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน ซึ่งวันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำการดำเนินการโดยสันติวิธีผ่านกระบวนการทวิภาคี ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย มายื่นหนังสือประท้วง และแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งการกระทำแบบนี้ไม่ควรเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกอยู่แล้ว
รัฐบาลไทยและกองทัพขอแสดงรับผิดชอบในเรื่องของการปกป้องอธิปไตยที่เรากำลังดูแลร่วมกัน ขอยืนยันอีกครั้งว่า “รัฐบาล” และ “กองทัพ” เป็นหนึ่งเดียวกัน และอยากให้ประชาชนเป็นอย่างเดียวกับเราด้วย เพื่อที่จะสามัคคีปกป้องอธิปไตย
“เวลานี้ที่เคยบอกไป ไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องมาสู้กันเอง สิ่งที่เกิดขึ้นดิฉันต้องขออภัยในความที่ไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ดิฉันรับทราบดีต่อจากนี้จะระวังในเรื่องของการพูดคุยให้มากขึ้น และแน่นอนว่าทางกองทัพที่เราพูดคุย เรามั่นใจอย่างหนึ่งว่าถ้าเรารวมกันเป็นหนึ่ง สามัคคีกัน เราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันอย่างแข็งแรงได้” นายกฯ กล่าว
สยบลือรัฐประหาร! ‘ผบ.ทบ.’ แสดงจุดยืน เชื่อมั่นประชาธิปไตย
ขณะเดียวกันศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “กองทัพบก Royal Thai Army” โดยอ้างอิงคำพูดของ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงจุดยืนของ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้น ขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลาย และส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง ผบ.ทบ.ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ต่อมา เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพอากาศ” ได้มีการโพสต์ข้อความว่า กองทัพอากาศจะยึดมั่นปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบแนวทางของทหาร เพื่อ “รักษาอธิปไตยของชาติอย่างเข้มแข็ง” ในทุกสถานการณ์ พร้อมติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ทหารมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตย

‘ทรงวิทย์’ ย้ำกองทัพปกป้องอธิปไตย-ต่อสู้ภัยคุกคาม ‘กัมพูชา’
“ผบ.ทหารสูงสุด” ย้ำกองทัพปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ปกป้องอธิปไตย-ดูแลประชาชน ต่อสู้ภัยคุกคามกัมพูชา ชี้การพูดคุย คือช่วยกันทำงาน
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรี ว่า ทางกองทัพยืนยันปฎิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองพี่น้องประชาชน ตนบอกแล้วว่าทุกเรื่องต่างๆ ขอให้รัฐบาลเป็นผู้พูด และกองทัพก็ยืนยันทำตามหน้าที่ตรงนั้น
“ไม่มีอะไรผิดปกติไปจากการที่มาพูดคุยกันในเรื่องภัยคุกคามของกัมพูชา ซึ่งเรื่องต่างๆ นั้น ก็เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวไปแล้ว เหมือนกับพูดกันในที่ประชุม ผมมองว่าการพูดคุยเป็นเหมือนการช่วยกันทำงานของทุกฝ่าย” พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าว
สะพัด! ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก ตบหน้า “ฮุนเซน” ต่ออายุราชการ “แม่ทัพกุ้ง”
จากกรณี “สมเด็จฮุน เซน” ได้แสดงความไม่พอใจแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ที่ประกาศยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างหนักแน่น โดยมีบันทึกอยู่ในคลิปสนทนาระหว่าง “นายกรัฐมนตรีไทย” กับ อดีตผู้นำกัมพูชา ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น
ล่าสุด มีรายงานจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ได้มีข้อตกลงกันว่าจะไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก โดยคาดว่าจะมีคำสั่งต่ออายุราชการให้ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ที่จะเกษียณอายุราชการในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้

สำหรับ พล.ท.บุญสิน หรือ “บิ๊กกุ้ง” เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 (ตท.26) และนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37 (จปร.37) มีเส้นทางการรับราชการที่เติบโตมาในสายกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก ทำให้มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในพื้นที่นี้เป็นอย่างดี
เส้นทางการรับราชการที่ผ่านมา เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (จ.สกลนคร), ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22, เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3, ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3, ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 (ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา), ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 (ดูแลพื้นที่อีสานใต้) และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี โดยเคยมีบทบาทสำคัญในช่วงเหตุการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนเขาพระวิหารในปี พ.ศ.2554
ต่อมาได้เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2, แม่ทัพน้อยที่ 2 กระทั่งมาดำรงตำแหน่ง “แม่ทัพภาคที่ 2” ต่อจาก พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 คนเก่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย.67
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสิน เป็นนายทหารที่เน้นการลงพื้นที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกำลังพลและประชาชน มีความเป็นห่วงเป็นใยเรื่องการปกป้องอธิปไตยของชาติ และมีบทบาทในการช่วยเหลือประชาชนในยามประสบภัยพิบัติต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีบทบาทสำคัญในการดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ช่องบก
นอกจากนี้ “พล.ท.บุญสิน” ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ยังมีเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 อย่าง “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รวมทั้ง พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ที่มีกระแสข่าวว่าไปเจรจากับ ผบ.กองกำลังว้า เมื่อเร็วๆ นี้