Home Thailand สีกาท้องทิพย์! รีดเงินเจ้าคุณ ‘ทิดอาชว์’ ผวาคลิปลับ-สึกหนีคดี ‘งาบเงินวัด’ 200 ล้าน

สีกาท้องทิพย์! รีดเงินเจ้าคุณ ‘ทิดอาชว์’ ผวาคลิปลับ-สึกหนีคดี ‘งาบเงินวัด’ 200 ล้าน

by admin

เจ้าอาวาสจีวรปลิว! “เจ้าคุณอาชว์” สึกหนีคดีทุจริตเงินวัด กว่า 200 ล้าน ผวาคลิปลับ “เสพเมถุน-มั่วสีกา” โยงแบล็คเมล์ “ท้องทิพย์” เจอสาวขู่รีดเงินล้าน ก่อนลาสิกขาปริศนาที่หนองคาย แย้มเหตุ “พระผู้ใหญ่” สุดทน! โร่ร้องเรียนปมอื้อฉาวสะเทือนวงการสงฆ์! ปูด “ตำรวจ-หน่วยปราบโกง” บี้เค้นหนัก บุกค้นวัดตรีทศเทพฯ คุ้ยสอบบัญชีด่วน พบย้ายเงินซุกบัญชีส่วนตัว-ทำเอกสารเบิกจ่ายเท็จ ใช้บัญชีม้าอำพรางเส้นเงิน ขณะที่เจ้าตัวยังไร้วี่แวว คาด “กบดาน” ในไทย หรือข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว ชี้จุดหมายแท้จริงชิ่งหนีไปเยอรมัน

วันนี้ (30 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี พระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ อายุ 54 ปี พรรษา 34 อดีตเจ้าอาวาสตรีทศเทพวรวิหาร (ธรรมยุตินิกาย) เจ้าคณะภาค 14-15 (ธ.) ที่ตัดสินใจลาสิกขาบทอย่างกะทันหันที่วัดจันทร์สามัคคี จังหวัดหนองคาย หลังจากนั้นมีรายงานว่าได้เดินทางข้ามไปยัง สปป.ลาว ในทันที ท่ามกลางข้อกล่าวหา “ทุจริตเงินวัด กว่า 200 ล้านบาท” รวมถึงเรื่องการถูกสีกาแบล็คเมล์ และขู่จะแฉคลิปลับ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

คดีนี้เป็นที่จับตาของสังคมและคณะสงฆ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากวัดตรีทศเทพวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นโท และมีชื่อเสียงมายาวนาน โดยมีรายงานระบุว่า การทุจริตเกิดขึ้นจากการเบิกถอนเงินจากบัญชีวัด และนำไปใช้โดยมิชอบ ซึ่งรวมถึงการโอนเงินจำนวนมากเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสและบุคคลใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังมีการใช้จ่ายเงินที่ไม่ปรากฏหลักฐานการใช้จ่ายเพื่อกิจการของวัดอย่างชัดเจน

พฤติการณ์การทุจริตมีความซับซ้อน โดยมีรายงานว่า อดีตเจ้าอาวาสได้เปิดบัญชีส่วนตัวสำหรับรับโอนเงินจากบัญชีวัดโดยตรง โดยปราศจากการอนุมัติจากคณะกรรมการวัด ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อระเบียบปฏิบัติและพระวินัย มีการจัดทำเอกสารเท็จเพื่อเบิกถอนเงิน รวมถึงมีการใช้บุคคลอื่นเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมเพื่ออำพรางเส้นทางการเงินอีกด้วย

ล่าสุดวันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีและเตรียมส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการทุจริตเงินวัด โดยในเบื้องต้นมีรายงานว่า ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและพบความเชื่อมโยงกับทรัพย์สินหลายรายการของอดีตเจ้าอาวาสและบุคคลใกล้ชิด ทั้งอสังหาริมทรัพย์และเงินฝากในบัญชีธนาคารต่างๆ ซึ่งรวมถึงกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของอดีตเจ้าอาวาสด้วย

ด้านเพจ “ดาวแปดแฉก” ได้โพสต์ข้อมูลเบื้องลึกว่า “อดีตเจ้าคุณอาชว์” ได้เดินทางจากกรุงเทพฯ พร้อมคนขับรถเพียงลำพัง เพื่อมายังวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดหนองคาย และทำการลาสิกขาบทเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.68 เวลา 14.45 น. ที่วัดจันทรสามัคคี (ตามข้อมูลที่ส่งถึงสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) ท่ามกลางความงุนงงของคณะสงฆ์ผู้ทำพิธีสึกให้ เนื่องจากอดีตเจ้าอาวาสรูปนี้เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูง

หลังการลาสิกขาบท คนใกล้ชิดของ “ทิดอาชว์” ได้อ้างกับพระบางรูปว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดดัง มีความประสงค์จะเดินทางข้ามฝั่งไปยัง สปป.ลาว  และมีคาดว่าจุดหมายปลายทางที่แท้จริงคือประเทศเยอรมนี

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวยังเผยถึงเส้นทางการเดินทางที่ซับซ้อนก่อนการลาสิกขา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานข้อมูลจากทางการ สปป.ลาว แจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.68 เวลา 21.20 น. “อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีฯ” ได้เดินทางเข้า สปป.ลาว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย และได้ไปพบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่วัดไตน้อยรัตนมงคล เมืองสีโคดตะบอง นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อขอลาสิกขาบทที่นั่น

ทว่า พระสงฆ์ที่วัดไตน้อยรัตนมงคลไม่สามารถทำตามความประสงค์ได้ โดยให้เหตุผลว่า “ไม่ได้บวชที่ สปป.ลาว” และยังเป็นพระสงฆ์ไทย สัญชาติไทย อีกทั้งพระอุปัชฌาย์ก็อยู่ในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ “เจ้าคุณอาชว์” จึงต้องเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 29 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 12.50 น. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองหาดทรายฟอง สปป.ลาว กลับเข้าด่าน ตม.หนองคาย ก่อนจะไปลาสิกขาที่วัดจันทรสามัคคีในเวลาต่อมา

ข้อมูลที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ ตำรวจไทยยังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ก่อนการลาสิกขา “ทิดอาชว์” ได้เดินทางไปยังเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เวลาประมาณ 22.00 น. และเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 24 มิ.ย. เวลาประมาณ 06.20 น. โดยในขณะนั้นยังคงใช้หนังสือเดินทางที่มีคำนำหน้าว่า “พระ”

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ได้เดินทางเข้าพบพระพรหมวชิรรังษี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร (ธรรมยุต) รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯ เพื่อหารือเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ ของวัดแล้ว

ประเด็นที่ยังคงเป็นปริศนาคือ หลังการลาสิกขาบทแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบข้อมูลการเดินทางออกจากประเทศไทยของ “ทิดอาชว์” เนื่องจากหนังสือเดินทางเล่มเก่าที่มีคำนำหน้าว่า “พระ” ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป และยังไม่พบข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศด้วยหนังสือผ่านแดน (Border Pass)

นอกเหนือจากคดีทุจริตเงินวัดกว่า 200 ล้านบาทแล้ว ได้มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า  การลาสิกขาของอดีตเจ้าคุณอาชว์ เกี่ยวกับการประพฤติผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง รวมถึงการร้องเรียนในเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีการายหนึ่ง ก่อนที่สีกาจะมีการอัดคลิปมาแบล็คเมล์ เพื่อข่มขู่เรียกเงินจำนวนหลายล้านบาท

รายงานระบุว่า เมื่อปี 2565 “สีกา ก.” อายุ 35 ปี หญิงสาวหน้าตาดีรายหนึ่ง ได้เข้ามาทำทีตีสนิทเจ้าคุณอาชว์ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ จนกลายเป็นความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวแบบลับๆ มีการนัดพบเพื่อร่วมหลับนอนกันตามโรงแรมต่างๆ หลายครั้ง เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

กระทั่งเมื่อกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ปรากฎข่าวกรณี “ทิดแย้ม” อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ถูกจับดำเนินคดีจากกรณียักยอกเงินวัดเลี้ยงดูหญิงสาว ตามสื่อต่างๆ จึงทำให้ “เจ้าคุณอาชว์” ซึ่งมีพฤติกรรมมั่วสีกาคล้ายกัน เกิดความกังวล พยายามตีตัวออกห่าง “สีกา ก.” หญิงสาวคนสนิท เพราะเกรงว่าหากปล่อยไว้เรื่องของตัวเองจะถูกเปิดโปงขึ้นสักวัน

เมื่อ “สีกา ก.” รับรู้ถึงท่าทีของเจ้าคุณอาชว์ ที่พยายามตีตัวออกห่าง จึงเกิดความไม่พอใจ กุเรื่องอ้างว่าตัวเองตั้งครรภ์ขึ้นมา เพื่อจะข่มขู่เรียกเงิน โดยส่งข้อความไปหาเจ้าคุณอาชว์ พร้อมยื่นข้อเสนอขอเงินก้อนเพื่อขอค่าเลี้ยงดูลูก จำนวน 7,680,000 บาท มีการแจกแจงรายละเอียด อ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ สำหรับเลี้ยงดูลูกแต่ละเดือน นับตั้งแต่คลอดจนถึงอายุ 20 ปี เฉลี่ยตกเดือนละ 32,000 บาท

แต่ภายหลังเจ้าคุณอาชว์ทราบความจริงว่า “สีกา ก.” ไม่ได้ตั้งครรภ์ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงตัดสินใจปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้กับสีกา ก. ตามข้อเรียกร้อง จึงทำให้สีกา ก. เกิดความไม่พอใจ พยายามนำเรื่องความสัมพันธ์ของตนเองไปบอกให้พระรูปหนึ่งทราบ โดยมีคลิปหลักฐานเป็นภาพคลิปวิดีโอของเจ้าคุณอาชว์ ขณะกำลังยืนแต่งตัวสวมสบงท่อนล่าง ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า อยู่ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยมีเสียงของสีกา ก. พูดแทรกอยู่ในคลิปตลอดเวลา ในเชิงบ่งบอกว่าทั้งคู่อยู่ในห้องร่วมกันลำพังสองต่อสอง และหลักฐานคลิปวิดีโอคอลพูดคุยกับสีกา ก. ในลักษณะให้คำสัญญาว่าจะมั่นหมายเพื่อแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงแชตสนทนาพูดคุยเชิงชู้สาวของทั้งสอง เพื่อหวังสร้างแรงกดดันให้เจ้าคุณอาชว์ ยอมจ่ายเงินตามข้อเรียกร้อง หากไม่อยากให้เปิดโปง

อย่างไรก็ดี จากการที่ “สีกา ก.” นำเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเจ้าคุณอาชว์ ไปเปิดโปงให้กับพระรูปหนึ่งทราบ หรือบุคคลที่ 3 ทราบ จึงกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในแวดวงสงฆ์ระดับสูง ก่อนจะมีพระผู้ใหญ่บางรูปทนรับพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหว นำเรื่องพร้อมหลักฐานยื่นร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยตรวจสอบ

Related Articles