Home Thailand นิติสงคราม! แช่แข็งนายกฯ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ขอโทษคนไทย ‘สุริยะ’ นำ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ฯ 3 ก.ค.

นิติสงคราม! แช่แข็งนายกฯ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ขอโทษคนไทย ‘สุริยะ’ นำ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ฯ 3 ก.ค.

by admin

นิติสงครามยกแรก “ก๊วน สว.-สีน้ำเงิน” มาวิน! “ศาลรัฐธรรมนูญ” รับคำร้องถอดถอน “แพทองธาร” เซ่นปมคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เคาะมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 “สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี” มีผลทันที ให้เวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน “นายกฯ อิ๊งค์” น้อมรับคำสั่งศาล ยืนยันเจตนาเกินร้อยทำเพื่อชาติ ลั่นขอโทษคนไทยที่ทำให้ไม่สบายใจ พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ แถลงสั่งลาที่ทำเนียบฯ ไปต่อ “วธ.” หลังได้รับโปรดเกล้าฯ ควบเก้าอี้ “รมว.วัฒนธรรม” ด้าน “สุริยะ” รักษาการนายกฯ นำ ครม.ชุดใหม่ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน 3 ก.ค. ก่อนส่งไม้ต่อให้ “ภูมิธรรม”

วันนี้ (1 ก.ค.68) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมคดีสำคัญ กรณีคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 36 คน ซึ่งยื่นผ่านนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (ผู้ถูกร้อง) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

คำร้องดังกล่าวระบุว่า การกระทำของ น.ส.แพทองธาร อาจเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ว่าด้วยคุณสมบัติและความเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเป็นเอกฉันท์ “รับคำร้อง” ไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

สำหรับคำขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง เห็นว่า ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

อย่างไรก็ตาม ตุลาการเสียงข้างน้อย 2 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ที่เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่ยุติชัดเจน แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงและยากแก่การแก้ไขในภายหลัง จึงเห็นควรให้ใช้มาตรการหรือวิธีการชั่วคราว ก่อนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยห้าม น.ส.แพทองธาร ใช้อำนาจหน้าที่ในด้านความมั่นคง การต่างประเทศ และการคลัง แทนการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยสมบูรณ์

“แพทองธาร” ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ

หลังรับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม แถลงน้อมรับผลคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และจะใช้เวลา 15 วันในการชี้แจงอย่างเต็ม เพื่อพิสูจน์เจตนาที่แท้จริงกรณีคลิปเสียงที่หลุดออกมา

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ตนตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของกองทัพของทหารทุกๆ คน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา พร้อมขอโทษคนไทยเกี่ยวกับวิธีการที่ทำให้หลายคนไม่สบายใจเรื่องนี้

“ดิฉันมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการ อาจถูกใจหรือไม่ถูกใจหลายๆ คน แต่อย่างไรก็ตาม ดิฉันจะพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ คิดอย่างเดียวว่า ทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะตนคงรับไม่ได้ถ้าพูดอะไรกับทางผู้นำแล้วทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง ถ้าฟังจริงๆ จะเข้าใจว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร” น.ส.แพทองธาร กล่าว พร้อมย้ำว่าจะใช้เวลา 15 วันชี้แจงให้ได้อย่างครบถ้วน

“ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่ส่งกำลังใจมาให้ไม่ขาดสาย และต้องขอโทษพี่น้องคนไทยทุกคนที่รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ หรือรู้สึกโกรธเคือง ดิฉันเองขอยืนยันอีกครั้งว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ ต้องขอโทษในวิธีการถ้าไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แน่นอนว่าหลังจากนี้ ช่วงเวลาที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ดิฉันยังทำเพื่อประเทศชาติได้ต่อไปค่ะในฐานะคนไทยคนหนึ่งแน่นอน และยังมีแรงกาย แรงใจเต็มครบ 100% พร้อมที่จะทำงานต่อ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม อยู่ในฐานะไหนก็ตาม ก็ยังเป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนเดิม และพร้อมทำเพื่อประเทศชาติเต็มที่ทุกนาทีค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจทุกท่านอีกทีค่ะ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร มีสีหน้าเรียบเฉย โดยช่วงท้ายการแถลงพยายามใช้เสียงหนักแน่นเพื่อสื่อสารถึงประชาชนว่ามีความมั่นใจ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร แถลงข่าวเสร็จสิ้นได้หันหลังเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม

จากนั้น น.ส.แพทองธาร เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย, น.ส.จิราพร สินธุไพร และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ยืนรอส่งหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อผู้สื่อข่าวตะโกนเรียก น.ส.แพทองธาร ได้หันมาสวัสดีและโบกมือให้ และเมื่อขบวนรถออกจากตึกไทยคู่ฟ้าผ่านกลุ่มผู้สื่อข่าว น.ส.แพทองธาร ได้ลดกระจกรถลงโบกมือให้ผู้สื่อข่าวอีกครั้ง และออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 14.07 น.

“สุริยะ” นั่งรักษาการนายกฯ อัตโนมัติ

ผลจากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 ต้องทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ เพราะเกิดขึ้นในจังหวะเดียวกับที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แล้วได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 3 ก.ค.นี้

โดยก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2567 รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 320/2567 ที่มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกฯ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยเรียงลำดับเอาไว้ ดังนี้ 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 4.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 5.นายพิชัย ชุณหวชิระ 6.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 น.ส.แพทองธารได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 184/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมตรี และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยเกลี่ยงานที่อยู่ในความดูแลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ไปให้ 3 รองนายกฯ สังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.) กำกับดูแล หลังจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

ทั้งนี้ ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 โดยผู้รักษาราชการแทนนายกฯ จะมีอำนาจเต็มเหมือนนายกรัฐมนตรีทุกประการ เป็นไปตาม “มาตรา 48 วรรคหนึ่ง” ให้ผู้รักษาราชการแทนตามความใน พ.ร.บ.นี้ มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน

อย่างไรก็ดี หลังนำ ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เสร็จสิ้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะเข้ามาทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทนนายสุริยะต่อไป

โปรดเกล้าฯ ‘ครม.อุ๊งอิ๊ง 1/2’ นายกฯ ควบ วธ.-เว้นกลาโหม ถวายสัตย์ 3 ก.ค.

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย

น.ส.สุดาวรรณ หวังกิจโกศล รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์

นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ

น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.ศึกษาธิการ

นายอนุชา สะสมทรัพย์ รมช.สาธารณสุข

นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข

นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทางด้านเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ระบุถึงขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้

Related Articles