พนมเปญร้อนฉ่า! “ฮุน เซน” จุดชนวนวิกฤตครั้งใหม่ ประกาศกลางเวที อ้างถูกไทย “ข่มขู่” สั่ง “ฮุน มาเนต” งัดมาตรการ “แบนสินค้าทุกชนิดจากไทย” งดซื้อน้ำมัน-ก๊าซ-ไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต พร้อมปิดประตูตาย “ชนขแมร์” ลั่นถึงไม่มีกินก็ไม่แคร์! กร้าวไทยต้องเปิดด่านทันที พร้อมระบุจะไม่มีการเจรจากันอีก หึ่ง! วิจารย์ยับ “คำสั่งท่านผู้นำ” ดัน “คนเขมร” เดือดร้อนหนัก-เสี่ยงอดตาย เพราะอีโก้ส่วนตัว ชี้โกหกคำโต! “อังเคิลฮุน” ฝอยขับไล่เรือลักลอบขนน้ำมัน ทั้งที่ “ทัพเรือไทย” ปิดน่านน้ำ-สกัดจับเรือทุกลำ
วันนี้ (3 ก.ค.) สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตผู้นำกัมพูชา ออกโรงแถลงแนะนำนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นบุตรชาย ให้พิจารณาออกมาตรการ “ห้ามซื้อสินค้าทุกชนิดจากประเทศไทย” เพื่อตอบโต้สิ่งที่ตนระบุว่า เป็นการข่มขู่ของฝ่ายไทยมาโดยตลอด
ประกาศดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่สมเด็จฮุน เซน เดินทางลงพื้นที่พบปะกับนักศึกษาและคณาจารย์ ที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมกัมไจเมียร์ ในจังหวัดไพรแวง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยสมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวอย่างดุดันว่า
“เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดปัญหาขึ้น ฝ่ายไทยจะข่มขู่กัมพูชา ว่าจะตัดระบบสาธารณูปโภคมาโดยตลอด ดังนั้น กัมพูชาจะต้องระมัดระวัง สิ่งสำคัญคือ อย่าซื้อไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซจากไทยโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อเกิดวิกฤติ พวกเขาจะระงับการขายสินค้าเหล่านี้ให้เรา พวกเขาบอกว่าเราจะตายถ้าพวกเขาไม่ส่งออกมาให้”
ในฐานะผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างยาวนาน สมเด็จฮุน เซน ได้กล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “แม้พวกเราจะไม่มีกิน ก็อย่าไปพึ่งพวกเขา เราต้องหาแหล่งอื่นมาสนับสนุนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง”
พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา ได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว
อย่างไรก็ตาม สมเด็จฮุน เซน ย้ำว่า กัมพูชายังต้องการมีความสัมพันธ์อันดีและมิตรภาพกับประเทศไทย และกล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อใดก็ตามที่ปัญหาชายแดนได้รับการแก้ไขและสถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติ การเจรจากับไทยจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ในโลกโซเชียลได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย โดยแสดงความกังวลว่า ค่าครองชีพจะพุ่งสูงขึ้น ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่อาจสูงขึ้นอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากไทย เช่น อาหารสด ผัก ผลไม้ และสินค้าอุตสาหกรรม
พร้อมกันนี้ ยังส่งผลกระทบถึงผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าตามแนวชายแดน ที่ต้องพึ่งพาสินค้าจากไทย ต่างแสดงความเดือดร้อนอย่างชัดเจน เพราะไม่รู้ว่าจะหาสินค้าจากไหนมาทดแทน หรือจะแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร จนอาจจะต้องปิดกิจการในที่สุด
เช่นเดียวกับ ความมั่นคงทางพลังงานและสาธารณูปโภค หลัง “ฮุนเซน” ประกาศว่าจะไม่ซื้อน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้าจากไทย รวมถึงอินเทอร์เน็ต ได้สร้างความกังวลอย่างมากในหมู่ประชาชน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตและเศรษฐกิจ หากถูกตัดขาดจริง หรือไม่สามารถหาแหล่งอื่นมาทดแทนได้เพียงพอ อาจเกิดวิกฤติพลังงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน
ส่วนความกังวลเรื่องการจ้างงาน มีรายงานว่าแรงงานกัมพูชาจำนวนมากที่ทำงานในประเทศไทยเกิดความกังวลเรื่องสถานะการจ้างงานและความไม่แน่นอนของสถานการณ์ หากความตึงเครียดบานปลายจนถึงขั้นการปิดพรมแดนถาวร พวกเขาอาจต้องกลับประเทศโดยไม่มีงานรองรับ
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคำถามไปถึงเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังคำสั่งของสมเด็จฮุน เซน โดยมองว่าอาจเป็นเรื่องของ “อีโก้” หรือความขัดแย้งส่วนตัวของผู้นำ มากกว่าการคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
