ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,111.60 จุด ลดลง 4.05 จุด (-0.36%) มูลค่าการซื้อขายราว 16,254 ล้านบาท
การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีแกว่งออกข้าง โดยทำระดับสูงสุด 1,120.45 จุด และต่ำสุด 1,108.09 จุด
นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งบวก-ลบ สลับกันทิศทางออกด้านข้างในกรอบจำกัด ไร้ปัจจัยใหม่หนุน โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนออกมาติดลบมากกว่าคาด เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากประเด็นมาตรการภาษีการค้าสหรัฐฯ ล่าสุด “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าทองแดงถึง 50% ทำให้ Sentiment โดยรวมไม่เอื้อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
กลุ่มที่กดดันหลัก คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ DELTA HANA KCE หลังเมื่อวานราคาไม่เปลี่ยนแปลงมาก โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าหลักคือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสหรัฐฯ
ทั้งนี้ คงต้องติดตามความสามารถในการแข่งขันระยะถัดไปจากข้อสรุปการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อกำหนดอัตราภาษีของไทยและประเทศคู่แข่งทางการค้าสำคัญ
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า GDP ไทยปี 68 ครึ่งปีหลัง อาจโตชะลอเหลือ 1.6% แต่ถือว่ายังสูงกว่าที่คาดการณ์
แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดแกว่งอิงทางลง แต่ได้ซึมซับประเด็นลบไประดับหนึ่งแล้ว และตลาดยังคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐจะได้ข้อสรุปที่ดี ทำให้ดาวน์ไซด์มีไม่มากแต่อัพไซด์ก็ยังจำกัด ให้กรอบแนวรับ 1,107 จุด ถัดไป 1,100 จุด และแนวต้าน 1,120 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,361.36 ล้านบาท ปิดที่ 157.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
KTC มูลค่าการซื้อขาย 1,251.74 ล้านบาท ปิดที่ 24.80 บาท ลดลง 0.20 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 834.29 ล้านบาท ปิดที่ 44.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 819.26 ล้านบาท ปิดที่ 283.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 721.55 ล้านบาท ปิดที่ 107.00 บาท ลดลง 1.50 บาท