มิติใหม่สงครามโลก! “ทรัมป์” สั่งเก็บภาษี “บราซิล” สูงถึง 50% ชี้ไม่ใช่แค่เรื่องการค้า แต่ “อเมริกา” ใช้ภาษีเป็นอาวุธทางการเมืองเล่นงานรัฐบาลบราซิล-แทรกแซงคดีความ “โบลโซนาโร” อดีตผู้นำคนเก่า พร้อมประกาศภาษีตอบโต้อีก 7 ประเทศในวันเดียว ขณะที่เพื่อนบ้านอาเซียน โดนรีดภาษีตามลำดับ “บรูไน 25%-ฟิลิปปินส์ 20%” รวมถึง “ไทย” ที่โดนไป 36% ก่อนหน้านี้
ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากบราซิลทุกประเภทในอัตรา 50% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีจาก 7 ประเทศ ซึ่งได้แก่ แอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย ศรีลังกา บรูไน มัลโดวา และฟิลิปปินส์ ในวันเดียวกัน
ในจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดี “ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา” ผู้นำบราซิล ในวันพุธ (9 ก.ค.) ปธน.ทรัมป์อ้างว่า การที่บราซิลมีพฤติกรรมโจมตีการเลือกตั้งที่เสรีและสิทธิในการพูดอย่างเสรีของชาวอเมริกันซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานนั้น เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจเรียกเก็บภาษีสินค้าของบราซิลทั้งหมดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 50%
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังตำหนิรัฐบาลบราซิลที่ปฏิบัติต่อฌาอีร์ โบลโซนาโร อดีตผู้นำบราซิลซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองของเขา โดยกล่าวว่าการดำเนินการทางกฎหมายกับโบลโซนาโร เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และวิพากษ์วิจารณ์ว่าการปฏิบัติต่อโบลโซนาโรเช่นนั้น ไม่ต่างจากการล่าแม่มดและควรต้องยุติลงในทันที
ทั้งนี้ โบลโซนาโรถูกตั้งข้อหาว่าวางแผนล้มล้างผลการเลือกตั้งในบราซิลเมื่อปี 2565 ซึ่งเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งในครั้งนั้น
ก่อนหน้าที่ ปธน.ทรัมป์ จะส่งจดหมายเพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากร 50% จากบราซิลได้ไม่นาน เขาได้ส่งจดหมายถึง 7 ประเทศ เพื่อแจ้งว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 30% จากแอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกา, เรียกเก็บภาษี 25% จากบรูไนและมัลโดวา และเรียกเก็บภาษี 20% จากฟิลิปปินส์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีจากบราซิลในอัตราที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่เขาประกาศล่าสุด นอกจากนี้ การที่ ปธน.ทรัมป์ใช้การขู่เรียกเก็บภาษีเพื่อแทรกแซงการพิจารณาคดีอาญาในต่างประเทศนั้น แตกต่างจากจดหมายที่เขาส่งไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 ก.ค.) ปธน.ทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึงผู้นำ 17 ประเทศ เพื่อแจ้งอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากประเทศเหล่านี้ โดยเรียกเก็บจากไทย 36% ,ลาว 40% ,เมียนมา 40% ,กัมพูชา 36% ,บังกลาเทศ 35% ,เซอร์เบีย 35% ,อินโดนีเซีย 32% ,บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 30% ,แอฟริกาใต้ 30% ,ญี่ปุ่น 25% ,คาซัคสถาน 25% ,มาเลเซีย 25% ,เกาหลีใต้ 25% และตูนิเซีย 25%