Home Feature ลากไส้ ‘สมี-สีกา’ อมเงินวัด! งัด กม.โหด ยึดทรัพย์-ฟันฟอกเงิน พศ.เพิ่งตื่น ‘แพรรี่’ ซัดเดือด

ลากไส้ ‘สมี-สีกา’ อมเงินวัด! งัด กม.โหด ยึดทรัพย์-ฟันฟอกเงิน พศ.เพิ่งตื่น ‘แพรรี่’ ซัดเดือด

by admin

มหากาพย์ “นารีพิฆาตพระ” อื้อฉาวสะเทือนทุกวงการ “สีกากอล์ฟ” โฟนอินอ้างรัก อึ้ง! ประโยคเด็ด พวกคุณไม่มีผัวเป็นพระ ไม่เข้าใจหรอก “บิ๊กเต่า” พลิกเกมไล่ล่าคดีอาญาแผ่นดิน ลั่นถึงจุดล้างบาง! “มารศาสนา” งัดกฎหมายโหด “มาตรา 147” พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เตรียมลากคอแก๊ง “สมี-สีกา” เข้าคุกฐานยักยอก-ฟอกเงินวัด ชี้ไม่น่ารอดโดนยึดทรัพย์ “แพรรี่ ไพรวัลย์” ซัดเดือดพวกทำลายศาสนา! ขณะที่สำนักพุทธฯ เพิ่งตื่นตัว หลังเรื่องแดงไปทั่วประเทศ พร้อมไล่บี้คดีพระชั้นผู้ใหญ่ “เจ้าคุณกอบ” เหวี่ยงไมค์นักข่าว หลังจี้ถามปมสึกผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ โวยฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือ? คลิปสะพัดโซเชียล “เสียงแตก!” ชี้เหมาะสมหรือไม่

ปฏิบัติการล้างบางวงการผ้าเหลืองทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ กรณีอื้อฉาว “นารีพิฆาตพระ” ที่ล่าสุดวันนี้ (11 ก.ค.68) “สีกากอล์ฟ” ได้โฟนอินในรายการ “โหนกระแส” โดยยอมรับว่าเคยคบหากับ “สมี-ประดิษฐ์” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี ในลักษณะ “ฟีลแฟน” พร้อมทิ้งประโยคเด็ดว่า “พวกคุณไม่มีผัวเป็นพระ ไม่เข้าใจหรอก”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) หรือ “บิ๊กเต่า” ให้สัมภาษณ์อย่างดุเดือด แฉถึงเบื้องหลังพฤติการณ์ของสีกากอล์ฟว่า “เป้าหมายคือพระที่มีเงินเพื่อแบล็กเมล์ ไม่ใช่ความรัก” และยังเปิดเผยด้วยว่า “ไม่ใช่แค่สีกากอล์ฟที่มีโลกหลายใบ จากข้อมูลที่เรามี พระผู้ใหญ่บางรูปก็มีโลกหลายใบเหมือนกัน มีการคั่วสีกาหลายคน ไม่ใช่แค่คนเดียว”

ด้วยเหตุที่ยังไม่มีพระรูปใดเข้าแจ้งความในข้อหากรรโชกทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว พล.ต.ต.จรูญเกียรติจึงประกาศพลิกเกมการสืบสวน โดยมุ่งเน้นที่คดีอาญาแผ่นดินที่ไม่สามารถยอมความได้ นั่นคือ “การยักยอกทรัพย์สินของวัด” หลังพบเส้นเงินหลายสิบล้านบาทถูกโอนเข้าบัญชีของสีกากอล์ฟ โดยจะใช้ “พ.ร.บ. คณะสงฆ์” ซึ่งกำหนดให้พระที่มีตำแหน่งปกครองเป็น “เจ้าพนักงาน” มาดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงตลอดชีวิต และอาจขยายผลไปสู่ความผิดฐานฟอกเงิน

“แม้พระจะสึกแล้ว แต่การสอบสวนเส้นทางการเงินยังเดินหน้าต่อ” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวย้ำ และระบุว่า หากพบว่าสีกากอล์ฟมีส่วนรู้เห็นก็จะถูกดำเนินคดีในฐานะผู้สนับสนุน

ด้าน “แพรรี่” ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรืออดีตพระมหาไพรวัลย์ ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้อย่างเผ็ดร้อน โดยวิจารณ์สีกากอล์ฟว่า “คนอื่นเขาเข้าวัด ถวายข้าวถวายน้ำให้พระ แต่….ถวาย…ให้พระ ตายไป…เป็นเปรต และจะไม่ได้ผุดได้เกิด เพราะ…มีส่วนที่ทำลายพระพุทธศาสนา” พร้อมเรียกร้องให้พระที่เสียหายดำเนินคดีกับสีกากอล์ฟ หากถูกแบล็กเมล์จริง

ขณะเดียวกัน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยนายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการ พศ. แถลงว่า แม้พระที่เกี่ยวข้องจะลาสิกขาไปแล้ว เว้นแต่ท่านเหล่านั้นได้ยักยอกเงินวัดโอนให้สีกา จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเป็นการยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของทุกวัดที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด

‘กก.มหาเถระ’ ฟาดสื่อ! จี้ถามสึก ผช.เจ้าอาวาส ‘วัดกัลยาฯ’

ปมอื้อฉาว “นารีพิฆาต-จับสึกพระ” ยังลุกลามไปถึงวัดกัลยาณมิตรฯ โดยล่าสุดพระปริยัติธาดาได้ทำการลาสิกขาไปแล้วเมื่อวานนี้ (10 ก.ค.)

พระพรหมกวี (พงศ์สันต์ ธมฺมเสฏฺโฐ) เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ให้สัมภาษณ์ว่า “เขาไปแล้ว ไม่ได้บอกอะไร ไม่รู้ว่าไปไหน ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่ใช่พระทั้งหมด พระดีก็มี พระไม่ดีก็มี อยากให้ญาติโยมเข้าใจ”

ต่อมา ผู้สื่อข่าวพยายามซักถามในรายละเอียดเพิ่มเติม ท่านเจ้าอาวาสฯ ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด โดยใช้มือปัดไมโครโฟนของผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวตำหนิว่า “พูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือ? จะพาไปทำวัตร ฉันไม่รู้เรื่อง เขาไปแล้ว” ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที ท่ามกลางความงุนงงของสื่อมวลชน ต่อมาคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ถูกแชร์ว่อนโซเชียลมีเดีย จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม

โดยปฏิกิริยาในโลกออนไลน์ ทั้งใน X (ทวิตเตอร์) และเฟซบุ๊ก มีความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝ่าย ซึ่งความเห็นส่วนใหญ่มองว่า การกระทำและวาจาของพระพรหมกวี ซึ่งเป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ ไม่มีความเหมาะสมและขาดความสำรวมอย่างยิ่ง แม้จะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์กดดัน แต่ในฐานะผู้นำองค์กรสงฆ์ ควรมีสติและจัดการอารมณ์ได้ดีกว่านี้

หลายความเห็นระบุว่า “หมดศรัทธา” และมองว่าการตอบคำถามเช่นนี้ ยิ่งทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในบทบาทการปกครองดูแลพระลูกวัด

ส่วนฝ่ายที่เห็นใจ มองว่าท่านอาจกำลังเคร่งเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียให้แก่วัดอย่างรุนแรง และอาจถูกสื่อมวลชนซักถามในลักษณะที่กดดันมากเกินไป อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ได้ตอกย้ำถึงวิกฤตศรัทธาที่สถาบันสงฆ์กำลังเผชิญ และแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันมหาศาลที่เกิดขึ้นกับพระชั้นผู้ใหญ่ ท่ามกลางการจับตามองของสังคมต่อกรณีอื้อฉาวที่ยังคงมีรายละเอียดใหม่ๆ เปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง

Related Articles