มติเอกฉันท์! “อนุฯ ไต่สวน” ชี้มูลความผิด 229 ราย-ล้างไพ่สภาสูง หลังมีชื่อ “138 สว.” เอี่ยวคดีฮั้วเลือก สว. “ภูมิใจไทย” สะเทือน! ส่อโดนยุบพรรค ชี้ “กก.บริหารพรรค” อยู่ในลิสต์ถูกฟันคดี เตรียมชง กกต.ใหญ่ส่งต่อ “ศาลฎีกา”
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ในวันนี้ ชี้ว่า “มีมูลเพียงพอ” ในการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีจัดฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 229 ราย ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน 138 คน และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยอีก 91 ราย โดยเตรียมเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ กกต. ชุดใหญ่พิจารณา เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต่อไป
การประชุมเพื่อสรุปสำนวนคดีดังกล่าว มีขึ้นในวันนี้ที่สำนักงาน กกต. โดยคณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 26 ซึ่งรับผิดชอบคดีนี้โดยตรง ได้พิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมดและมีมติว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ในหลายมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 77 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้บุคคลใดได้รับเลือกหรือมิให้ได้รับเลือกเป็น สว.
สำหรับรายชื่อผู้ถูกชี้มูลความผิดจำนวน 229 รายนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 138 คน
2.กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่ายอื่นๆ จำนวน 91 ราย
ขั้นตอนหลังจากนี้ คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ 26 จะส่งมอบสำนวนการไต่สวนและมติที่ประชุมทั้งหมด ให้คณะกรรมการ กกต. ชุดใหญ่เป็นผู้พิจารณาชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย หาก กกต. ชุดใหญ่เห็นพ้องกับมติของคณะอนุกรรมการฯ ก็จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้กระทำความผิด และอาจนำไปสู่การพิจารณาให้มีการเลือกตั้ง สว. ในส่วนที่ได้รับผลกระทบใหม่
ทั้งนี้ การดำเนินการของ กกต. เป็นการเอาผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีอาญาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังดำเนินการอยู่ในข้อหา “อั้งยี่-ฟอกเงิน” อย่างไรก็ตาม ผลการชี้มูลของ กกต. ในครั้งนี้ถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญและอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถานะของสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมาก รวมถึงสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมือง