Home Feature ‘เขมร’ เหิม! ลวงฆ่าทหารไทย-EOD กางแผนเอาคืน! จี้ ‘สปอนเซอร์’ ตัดท่อน้ำเลี้ยง-เชิญทูตทหารทั่วโลก

‘เขมร’ เหิม! ลวงฆ่าทหารไทย-EOD กางแผนเอาคืน! จี้ ‘สปอนเซอร์’ ตัดท่อน้ำเลี้ยง-เชิญทูตทหารทั่วโลก

by admin

“บิ๊กเล็ก” กางแผนเอาคืนเขมร! ยันรัฐบาลมีหลักฐานแน่น ทั้งชนิดระเบิด PMN-2 สภาพใหม่ผลิตรัสเซีย แต่ไม่รีบฟ้อง UN ลั่นทำสำนวนให้รัดกุมจนเถียงไม่ได้ ก่อนชงเข้าที่ประชุม “อนุสัญญาออตตาวา” ปลายปีนี้! พร้อมเปิดแนวรบใหม่การทูต เตรียมส่งข้อมูลให้ประเทศ “สปอนเซอร์” จี้ตัดท่อน้ำเลี้ยงกัมพูชาให้เหี้ยน “ศบ.ทก.” ฮึ่ม! แถลงประณามแล้ว ชี้ลอบกัด วางทุ่นระเบิดใหม่ใกล้แนวคูเลต แฉหลักฐานมัดเขมร “เจตนาฆ่าทหารไทย” ชุดเก็บกู้ EOD-ทีมช่วยเหลือ เตรียมเชิญ “ทูตทหารทั่วโลก” ฟังข้อเท็จจริง-ประจานใบสั่ง “พ่อลูกฮุน”

วันนี้ (21 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ระบุถึงมาตรการตอบโต้กัมพูชา กรณีลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนไทย โดยยืนยันว่ารัฐบาลไทยมีแผนการดำเนินการที่รัดกุมและรอบด้าน ทั้งในมิติทางกฎหมายและการทูต

พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่าผลการพิสูจน์ทราบจากหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ที่ผลิตในรัสเซีย ซึ่งกองทัพไทยไม่เคยมีใช้ รวมแล้วกว่า 10 ทุ่นในหลายจุด จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เป็นของประเทศอื่น ไม่ได้มาจากฝ่ายไทยแน่นอน

โดยมีหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าเป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” อย่างชัดเจน คือ 1.สภาพวัตถุ ชิ้นส่วนโลหะที่เก็บกู้ได้ยังคงแวววาว ไม่ขึ้นสนิม และ 2.สภาพพื้นที่  มีร่องรอยการกลบฝังที่เพิ่งทำขึ้นใหม่ ไม่ใช่พื้นที่รกที่มีวัชพืชขึ้นปกคลุมเหมือนจุดที่ฝังระเบิดมานาน

“หากเราทำงานเช่นนี้จะไม่มีใครมาเถียงเราได้ เราชี้แจงได้” พล.อ.ณัฐพล กล่าว พร้อมตอบโต้เสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลดำเนินการล่าช้า โดยชี้ว่า “สื่อหลายสำนัก นักวิชาการหลายคน ด่าว่าล่าช้าไม่ทันใจ เท่ากับฮุนเซน ,ฮุนมาเนต โพสต์ลงในโซเชียล ถ้าไม่ใช่ก็ลบออก แต่เราจะทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นเราก็จะศีลเสมอกัน”

ทั้งนี้ การทำงานของภาครัฐต้องทำตามขั้นตอน ไม่สามารถทำเหมือนการโพสต์โซเชียลมีเดียที่ผิดก็ลบได้ แต่ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้องและหลักฐานที่แน่นหนา เพื่อไม่ให้เสียความน่าเชื่อถือ

สำหรับแผนกดดันกัมพูชานั้น รมช.กลาโหม เปิดเผยว่า นอกจากการประท้วงโดยตรง และการเตรียมยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวาแล้ว ฝ่ายไทยจะส่งข้อมูลหลักฐาน ไปยังประเทศผู้ให้การสนับสนุนกัมพูชา

“เราจะส่งข้อมูลไปยังประเทศที่เป็นสปอนเซอร์ของกัมพูชา ที่สนับสนุนเงินในพันธกรณีที่เกี่ยวกับออตตาวา ว่าสนับสนุนเงินเขาไป ปัจจุบันเขาเอามาทำแบบนี้” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

ทั้งนี้ กัมพูชาผิดสองเรื่องแน่ๆ คือการวางทุ่นระเบิดใหม่ และการที่ยังมีของใหม่อยู่ในครอบครอง โดยสมาชิกที่มีพันธกรณีของอนุสัญญาออตตาวา จะต้องทำลายทุ่นระเบิด ไม่ว่าจะทำลายหมดทันที หรือค่อยทำลาย ก็ต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจนว่าจะทำลายหมดเมื่อไหร่ แต่ถ้ายังทำลายไม่หมดและเอามาใช้ก็ผิดแล้ว

ส่วนการยื่นเรื่องตามกลไกของ “อนุสัญญาออตตาวา” นั้น พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่าไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง แต่จะใช้เวลาทำสำนวนให้รัดกุมที่สุด เพื่อเสนอต่อที่ประชุมในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้กัมพูชาไม่สามารถโต้แย้งได้ และไม่ทำให้ไทยเสียความน่าเชื่อถือในเวทีโลก

“ศบ.ทก.” ฮึ่ม! แถลงประณาม “กัมพูชา” รุกล้ำอธิปไตย-เจตนาฆ่าทหารไทย

ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. ได้แถลงประณามการกระทำของกัมพูชาอย่างรุนแรง โดยยืนยันว่า “การลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนไทย ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน”

โฆษกฯ กล่าวถึงไทม์ไลน์ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 ของกองกําลังสุรนารีได้ปฏิบัติการลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองการเสริมสร้างเส้นทางทางยุทธวิธี จากฐานมรกตไปยังเนิน 481 โดยในพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย โดยในวันต่อมา (16 ก.ค.) ก็เกิดเหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิดตามที่ปรากฏเป็นข่าว จากนั้นทางการไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการจัดหน่วยผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิดเข้าไปพิสูจน์ทราบ โดยพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากเส้นปฏิบัติการ 130 เมตร โดยจุดวางทุ่นระเบิด อยู่ในเส้นทางลาดตระเวนของฝ่ายไทย

ทั้งนี้ หลังจากหน่วย EOD เข้าตรวจสอบยังพบทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มอีก 2 จุด โดยจุดแรกนั้น อยู่ห่างจากต้นพญาสัตบรรณราว 50 เมตร ใกล้คูเลตที่ทหารกัมพูชาเคยขุดไว้ และในจุดที่เป็นกรณีพิพาทระหว่างกัน ก็ตรวจพบอีก 3 ทุ่น ส่วนจุดที่ 2 พบเพิ่มอีก 5 ทุ่น ห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร

โฆษก ศบ.ทก. ได้ยืนยันผลการตรวจสอบที่สอดคล้องกับ รมช.กลาโหม โดยสรุปว่าทุ่นระเบิดที่พบกว่า 10 ทุ่นเป็นชนิด PMN-2 สภาพใหม่ ปรากฏตัวอักษรชัดเจนบริเวณข้างตัวทุ่นระเบิด และชี้ให้เห็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าเป็นการลอบวางใหม่ คือ การที่กองทัพได้ดําเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่บริเวณช่องบกไปเมื่อปี 2565 แต่ชุดสำรวจไม่เคยพบทุ่นระเบิด PMN-2 ในพื้นที่มาก่อน ซึ่งประเมินได้ว่าเป็นการวางหลังจากเกิดเหตุปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 โดยระเบิดชนิดนี้กองทัพไทยไม่เคยมีในสารบบยุทโธปกรณ์

นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานที่น่าตกใจคือ ในวันที่ 20 ก.ค.68 ได้มีการตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 สภาพใหม่อีก 2 จุด ห่างจากหลุมระเบิดเดิมเพียง 20-30 เซนติเมตร ซึ่งชี้ชัดว่ามีเป้าหมายเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้หรือชุดช่วยเหลือ เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน รวมถึงการรุกล้ำอธิปไตยของไทย

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติได้ออกหนังสือประณามการกระทำของกัมพูชาอย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา และในขั้นต่อไปกองทัพจะเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารและผู้แทนกองทัพต่างประเทศมารับฟังคำชี้แจง เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด

Related Articles